ถ้าพูดถึงค่ำคืนคริสต์มาสอันแสนอบอุ่นทุกคนก็คงจะนึกถึง ซานตาคลอส ต้นสน กวางเรนเดียร์ และถ้าเป็นเมนูสุดเด็ดประจำเทศกาลนี้ก็ต้องหนีไม่พ้น ไก่งวง กันอยู่แล้ว แต่ไม่ใช่กับประเทศญี่ปุ่นเพราะสำหรับประเทศนี้แล้วกลับเป็น ไก่ทอด KFC ทั้งๆ ที่ประเทศนี้มีคนนับถือศาสนาคริสต์เพียงแค่ 1% แต่กลับจริงจังกับเทศกาลนี้มากจนเกิดเป็นธรรมเนียมการกินไก่ทอดกัน เป็นเพราะกันอะไรกันนะ?
ไก่งวงหลบไป ไก่ทอดมาแล้ว
เทศกาลคริสต์มาสเป็นเทศกาลที่สำคัญประจำปีของทางแถบฝั่งตะวันตก แต่เมื่อกาลเวลาผ่านไปเทศกาลนี้ก็เผยแพร่ไปทั่วโลก รวมถึงไทยบ้านเราถึงแม้ว่าในหน้าหนาวอากาศจะร้อนตับแลบซักแค่ไหนแต่ก็ยังพากันอินกับเทศกาลนี้อย่างสนุกสนาน สังเกตได้จากการประดับประดาไฟตามสถานที่ต่างๆ หรือแม้กระทั่งมีต้นคริสต์มาสอันใหญ่โตวางตั้งไว้ตามหน้าห้างสรรพสินค้ามากมาย
เช่นเดียวกับที่ประเทศญี่ปุ่นทั้งๆ ที่มีคนนับถือศาสนาคริสต์น้อยมาก แต่วันคริสต์มาสสำหรับคนญี่ปุ่นแล้วถือว่าสำคัญมากชนิดที่ว่ายกให้เป็น วาเลนไทน์อันดับสอง เลยทีเดียว เพราะคู่รักมักจะออกไปเดทเที่ยวชมไฟประดับรอบเมืองและกินอาหารอร่อยๆ ด้วยกัน รวมถึงยังเป็นวันเฉลิมฉลองที่ครอบครัวจะกินอาหารมื้อพิเศษและทำกิจกรรมร่วมกันอย่างอบอุ่นคล้ายกับชาติตะวันตกอีกด้วย แต่เมนูดาวเด่นประจำเทศกาลนี้กลับไม่ใช่ไก่งวงอย่างที่ฝรั่งนิยมกัน หากแต่เป็น ไก่ทอด ซะงั้นและต้องเป็นไก่ทอดเคเอฟซีด้วยนะ นั่นเป็นเพราะว่า?
ย้อนกลับไปเมื่อปี 1970 ไก่ทอดเคเอฟซียอดฮิตบินมาเปิดสาขาแรกในญี่ปุ่น ในตอนนั้นได้คุณ โอคาวาระ ทาเคชิ ที่มีดีกรีจบจากมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ดมาประจำตำแหน่งผู้จัดการเป็นคนแรกของสาขา วันหนึ่งในขณะที่คุณทาเคชิก็คงทำงานดูแลที่ร้านปกติก็ได้ยินเสียงของลูกค้าชาวต่างชาติต่างบ่นกันว่า “อยากกินไก่งวง” แต่ในสมัยนั้นที่ญี่ปุ่นไม่ได้นิยมกินไก่งวงกัน ประกอบกับช่วงนั้นเคเอฟซีเพิ่งมาเปิดใหม่ในญี่ปุ่นเลยจำเป็นต้องกินไก่ทอดเคเอฟซีแทนการกินไก่งวง วันแล้ววันเล่าคริสต์มาสผ่านไปทุกปีคุณทาเคชิก็ยังคงได้ยินเสียงของลูกค้าต่างชาติบ่นกัน แต่ไม่ใช่แค่รับฟังอย่างเดียว คุณทาเคชิอาศัยเวลาเหล่านั้นเก็บเกี่ยวข้อมูลจากลูกค้าเพื่อนำไปต่อยอดเป็นไอเดียดีๆ
จนเวลาผ่านไปจนถึงปี 1974 คุณทาเคชิจึงตัดสินใจเสนอแคมเปญการกินไก่ทอดเคเอฟซีในวันคริสต์มาสให้กับทางบริษัท ซึ่งแคมเปญนี้ใช้ชื่อว่า Kurisumasu ni wa Kentakkii (วันคริสมาสต์ต้องเคนตักกี) หรือ Kentucky for Christmas (KFC) และก็ไปได้สวย ประสบความสำเร็จขายดีเทน้ำเทท่าจนทางบริษัทตัดสินใจลงมติว่าจะจัดแคมเปญนี้ขึ้นทุกปี ด้วยการนำเสนอเมนูสุดฮิตที่ใช้ฉลองในวันคริสต์มาส ไม่ว่าจะเป็นชุดไก่ทอด สลัด ไวน์ รวมถึงของหวานอย่างเค้กปอนด์ด้วย (ประมาณ 4,000 เยน+) จึงถือเป็นปรากฏการณ์สำคัญเลยก็ว่าได้ที่มีแค่ที่ญี่ปุ่นเท่านั้นที่กินไก่ทอดในวันคริสต์มาสแทนที่จะเป็นไก่งวง นั่นเป็นเพราะความช่างสังเกตของคุณทาเคชินั่นเองที่นำไก่ทอดในวันคริสมาสต์มาเปรียบให้เหมือนไก่งวงมื้อพิเศษจนทำให้เกิดเป็นธรรมเนียมที่สืบทอดกันมาถึงปัจจุบัน
คิวยาวเป็นหางว่าว
การตลาดของทางเคเอฟซีในนำเสนอออกมาให้เป็นมื้ออาหารอันอบอุ่นที่ครอบครัวจะได้อยู่กันพร้อมหน้าพร้อมตา ทำให้คนญี่ปุ่นแทบจะทั้งประเทศนิยมกินไก่ทอดเคเอฟซีกัน และธรรมเนียมนี้เป็นที่นิยมมากถึงขนาดมีคนเคยต่อแถวซื้อไก่ทอดนานถึง 2 ชั่วโมง หรือบางคนต้องรอถึงขนาด 5 ชั่วโมงเลยก็มี ทางบริษัทเคเอฟซีเลยต้องจัดระบบเปิดให้พรีออเดอร์ไก่ทอดกันล่วงหน้าตั้งแต่ช่วงปลายเดือนตุลาคมเพื่อที่พอถึงวันคริสต์มาสจริงๆ จะได้ไม่ต้องไปต่อแถวยาวเหยียดรอคิวให้เสียเวลานั่นเอง
และด้วยความที่คนญี่ปุ่นก็เป็นจริงเป็นจังกับการต่อแถวอยู่แล้ว บอกได้เลยว่าถ้าคนไทยคนไหนอยากกินไก่เคเอฟซีในช่วงนั้นล่ะก็ทำใจเลยค่ะ เพราะแถวจะยาวออกมานอกร้านจนทำให้เปลี่ยนใจไม่อยากกินเลยก็ได้ และด้วยแคมเปญการกินไก่ทอดวันคริสต์มาสนี้ส่งผลให้ยอดขายของเคเอฟซีในช่วงเทศกาลคริสต์มาสสูงขึ้นเป็นสองเท่าของยอดขายเดือนปกติทีเดียว
ชุดไม่แดง ไม่มีแรงขายไก่
อีกหนึ่งความแปลกใหม่ของคนญี่ปุ่นที่นอกเหนือจากการกินไก่ทอดในวันคริสต์มาสแล้ว ยังมีการสวมใส่ชุดซานตาคลอสให้กับหุ่นของพันเอกฮาร์แลนด์ เดวิด แซนเดอร์ส หรือที่เรารู้จักกันดีในชื่อ ผู้พันแซนเดอร์ส ผู้ก่อตั้งร้านไก่ทอดเคเอฟซีและเป็นเจ้าของสูตรไก่ทอดแสนอร่อยนั่นเอง ซึ่งหุ่นของผู้พันจะประจำอยู่ที่หน้าร้านเคเอฟซีทั่วโลก การสวมใส่ชุดซานตาคลอสให้กับผู้พันนั้นนอกจากเป็นสีสันในช่วงเทศกาลคริสต์มาสแล้ว ยังถือเป็นการโปรโมตและดึงดูดชาวต่างชาติให้เข้าร้านอีกด้วย
การกินไก่ทอดเคเอฟซีของคนญี่ปุ่นนั้นกลายเป็นกรณีศึกษาของแบรนด์ต่างๆ เลยทีเดียว มีร้านอาหารมากมายที่พยายามจะทำไก่ทอดดึงดูดให้เหมือนกับไก่เคเอฟซีแต่ก็ไม่สำเร็จเพราะคนญี่ปุ่นถือว่าเคเอฟซีเป็นส่วนหนึ่งในเทศกาลคริสต์มาสของพวกเขาไปแล้ว ใครที่ได้มีโอกาสไปญี่ปุ่นในช่วงคริสต์มาส ถ้ามีเวลาและความอดทนก็ลองไปต่อแถวซื้อชุดไก่ทอดกันดูนะคะ หรือไม่ก็ลองไปถ่ายรูปกับผู้พันแซนเดอร์สในชุดซานตาคลอสกัน เดี๋ยวจะไปไม่ถึงคริสต์มาสญี่ปุ่นกัน~
อ้างอิง