สถาบันครอบครัวเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดที่หล่อหลอมคนคนหนึ่งให้เติบโตมาเป็นคนแบบไหนในสังคม วันนี้เราจะพาคุณผู้อ่านมารู้จักกับนักเขียนการ์ตูนคุณเบนซ์ เจ้าของนามปากกา ยืนกินปากกาที่ท่าพระ ผู้สร้างสรรค์ผลงานเรื่อง REVERSE แห่ง LINE WEBTOON ซึ่งสะท้อนสังคมโดยเฉพาะสถาบันครอบครัว เป็นเรื่องราวของเด็กหนุ่มที่ตื่นขึ้นมาและพบว่าความทรงจำทั้งหมดของเขาหายไป ทว่าครอบครัวและคนรอบข้างกลับไม่อยากให้เขาได้ฟื้นคืนความทรงจำและช่วยปกปิดอดีตอันเลวร้าย รวมถึงความลับของฝาแฝดที่ถูกเก็บซ่อนไว้
จุดเริ่มต้นที่ทำให้เริ่มวาดการ์ตูน
เริ่มวาดการ์ตูนมาตั้งแต่ประถมเลยค่ะ แต่ไม่ได้จริงจังกับมันมากเท่าไหร่ มาเริ่มจริงจังตอนจะขึ้นม.4 ตอนนั้นทำผลการการเรียนออกมาไม่ค่อยดีเท่าไหร่ เกรดเน่ามากจนพ่อด่า (หัวเราะ) เลยตัดสินใจเปลี่ยนมาเรียนทางด้านการวาดรูป พอจบมัธยมก็สอบเข้าคณะทางด้านศิลปะและทำงานทุกอย่างที่เกี่ยวกับวาดรูป รวมถึงช่วงนั้นชอบอ่านการ์ตูนด้วย ก็เลยเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้เรามาวาดการ์ตูน
ทำไมถึงต้องยืนกินปากกาที่ท่าพระ
เวลารู้สึกเครียดๆ ก็จะชอบกัดหัวปากกาเพื่อใช้ความคิดค่ะ ส่วนท่าพระมาจากที่เรียน เพราะเรียนอยู่ท่าพระจันทร์
สู่การเป็นนักเขียนในเว็บตูน
ช่วงเรียนมหาวิทยาลัยประมาณปี 2 เราเริ่มสนใจวงการคอมิกของไทยมากขึ้น และเห็นว่ามีเว็บที่ให้นักเขียนได้ลงการ์ตูนหลายเว็บ ก็เลยลองวาดการ์ตูนเรื่อง RED MAN ลงในชาลเลนจ์ลีกของ LINE WEBTOON
ตอนนั้นไม่คิดว่าจะมีคนติดตามเยอะขนาดนี้ รู้สึกว่าเนื้อหามันไม่ค่อยเหมาะกับเด็กเท่าไหร่ พอได้เห็นยอดผู้อ่านก็ตกใจมาก หลังจากนั้นการ์ตูนของเราก็ได้รับเลือกให้เข้า LINE WEBTOON Training Camp ก็เลยได้เรียนรู้เทคนิกการเขียนมากมาย รวมถึงการตั้งกลุ่มเป้าหมายผู้อ่านทำให้เราเริ่มปรับสไตล์การเขียนให้เหมาะกับเด็กมากขึ้น
หลังจากได้รับการติวแบบตัวต่อตัวจากเมนเทอร์นักเขียนจากหน้าหลัก และทีมงานเว็บตูนจากการเข้าร่วมค่าย Training camp ได้เขียนการ์ตูนเรื่อง Keep Look เป็นเรื่องสั้นแนวคอเมดี้ ตลกเฮฮา
หลังจากนั้นมาเขียนซีรีส์บนหน้าหลักได้อย่างไร
ตอนแรกคิดว่าจะรอให้เรียนจบก่อนค่อยเขียนเรื่องลงหน้าหลัก แต่ใจร้อนอยากลงเร็วๆ จึงส่งเรื่อง REVERSE ไปพิจารณาเมื่อต้นปี 2018 แล้วก็ได้ตอบรับมาว่าการ์ตูนของเราได้ลงหน้าหลัก แล้วเราก็คิดว่าพอเรื่องผ่านแล้วจะค่อยๆ วาดสะสมไปก่อน แต่กลายเป็นว่าไหนๆ ก็ไหนๆ แล้วลงเลยแล้วกัน พอการวาดรูปมันชนกับเปิดเทอมนี่สนุกสนานเลยค่ะ (หัวเราะ)
ผลงานเรื่องนี้แตกต่างจากเรื่องก่อนๆ อย่างไร
เราว่า Red Man หนักกว่านี้มากเลยค่ะ (หัวเราะ) ส่วน REVERSE คิดไว้ว่าตอนแรกจะให้เรื่องไปทางสดใสก่อน แล้วค่อยเพิ่มความหนักหน่วงในตอนท้าย เพื่อให้เด็กๆ อ่านแล้วเบาสมองแต่มันดันกลายเป็นหนักสมองแทน (หัวเราะ)
ก่อนหน้าที่จะส่งให้ทาง WEBTOON พิจารณา เราเขียนพล็อตไว้หลายแนวเลยเลยค่ะ ทั้งแอ็กชัน ตลก แต่มีอยู่วันหนึ่งเราไปอ่านเจอข่าวว่ามีคนคนหนึ่งพยายามเลียนแบบคนที่ตัวเองชอบ แล้วเขาเปลี่ยนแปลงตัวเองทุกอย่างทั้งรูปลักษณ์ นิสัย จึงเกิดไอเดียขึ้นมาว่าเราน่าจะลองนำประเด็นนี้มาลองเขียนเป็นการ์ตูนดูนะ พอได้ไอเดียเราก็รีบๆ ร่างจดใส่สมุดวันเดียวเสร็จเลยค่ะ
ส่วนตัวแล้วก็ค่อนข้างชอบตัวละครที่เป็นพวกตัวร้ายด้วย เพราะตัวละครเหล่านี้ค่อนข้างน่าสนใจ มีมิติ เห็นแล้วอดคิดตามไม่ได้ว่าพวกเขาต้องเจอเรื่องอะไรมาถึงทำตัวแบบนี้ เรื่องนี้เราจึงเขียนคาแรกเตอร์พระเอกให้ดูร้ายๆ
ยากไหมกับการออกแบบตัวละครที่มีความซับซ้อน
เราเป็นคนชอบดูหนังอินดี้ซับซ้อนด้วย บางเรื่องดูแล้วไม่เข้าใจก็มี (หัวเราะ) ถ้าเมื่อก่อนคงคิดว่ายาก แต่เดี๋ยวนี้เราได้ศึกษาเกี่ยวกับคนที่มีอาการผิดปกติ รวมถึงศึกษาเกี่ยวกับเรื่องจิตวิทยา บุคลิกของคน ทั้งจากหนังที่เราดูและหนังสือที่อ่านมากขึ้น แล้วก็ศึกษาจากคนรอบตัวค่ะ (หัวเราะ) คือคณะที่เรียนเป็นคณะเกี่ยวกับศิลปะเพราะฉะนั้นคนรอบตัวจะค่อนข้างมีอารมณ์ที่เซนซิทีฟมาก
พอมาเป็นเรื่อง REVERSE เราก็อยากสื่อเกี่ยวกับความไม่เข้าใจกันของคนในครอบครัว บางคนที่เราเห็นว่าเขาร้ายเขาอาจจะมีอีกมุมหนึ่งที่เราคิดไม่ถึงก็ได้
จุดที่ชอบและจุดที่ยากที่สุดในการวาด REVERSE
ชอบการพิมพ์ข้อความตัวหนังสือเพราะมันง่ายๆ ไม่ต้องใช้ความคิดเยอะ และชอบการลงสี แต่ว่าเราส่งขั้นตอนการลงสีให้ผู้ช่วยเลยกลายเป็นว่าเราไม่ทำขั้นตอนนั้น (หัวเราะ) จุดที่ยากที่สุดคือสตอรีบอร์ด เพราะพล็อตเรื่องตอนแรกเราเขียนให้มันเป็นแบบหนังสั้นจบในตอน แต่พอมันเป็นการ์ตูนที่ต้องลงเป็นรายสัปดาห์ต้องทำให้คนติดตาม ต้องทิ้งเมสเสจอะไรให้คนอ่านอยากอ่านต่ออีก ทำให้ต้องปรับแก้พอสมควรเลย
ต้องเรียนและเขียนการ์ตูนไปด้วยมีวิธีการแบ่งเวลาอย่างไร
ตอนแรกจะทำหลายๆ ตอนตุนไว้มากๆ แต่พอเวลาผ่านไปสต็อกที่ทำไว้มันก็เริ่มหายไปเรื่อยๆ สต็อกไม่มีจริงค่ะ (หัวเราะ) จะมีปัญหาเกี่ยวกับเรื่องเปิดเทอมเพราะงานมันชนกับเวลาเรียน บางครั้งต้องเอาคอมเข้าไปนั่งทำงานในชั่วโมงเรียนบ้าง คนที่นั่งเรียนใกล้ๆ กันอาจจะเห็นสปอยล์บ้างนิดหน่อย แต่ว่าเราสนิทกับผู้ช่วยมากๆ อยู่แล้ว จะส่งงานให้เวลาไหนก็ได้ เลยเดธไลน์ก็มี (หัวเราะ)
เคยคิดมาก่อนไหมว่า REVERSE จะกลายมาเป็นเรื่องฮิตในหน้าหลัก
ตกใจมากค่ะ ไม่คิดว่าจะมีคนอ่านเยอะขนาดนี้ แล้วมันสนุกมากค่ะเวลาอ่านคอมเมนต์หลังจากที่เราหลอกคนอ่านได้สำเร็จ อย่างตอนล่าสุดก็มีคนมาขอโทษแม่พระพายกันใหญ่ (หัวเราะ)
ผู้ช่วย: ด้วยความที่เราเป็นผู้ดูแลเราก็จะรู้เนื้อเรื่องทั้งหมดอยู่แล้ว เวลาอ่านคอมเมนต์เวลาคนอ่านเดาเนื้อเรื่อง แล้วดันเดาถูก เราแบบ เฮ้ย รู้ได้ไง อยู่ใต้โต๊ะนักเขียนใช่ไหม
คอมเมนต์ของผู้อ่านมีผลกระทบอะไรกับการทำงานไหม
คอมเมนต์ของคนอ่านส่งผลต่อเรามากค่ะ เพราะเราจะเอาคอมเมนต์ติชมไปปรับแก้งานอยู่เสมอ เรียกว่าฝีมือพัฒนาขึ้นได้ทุกวันนี้เพราะคอมเมนต์เลย
ได้รับอะไรจากการเขียนเรื่องนี้
อย่างแรกเลยคือเรื่องการเขียนบทค่ะ แม้ว่าเราจะวางบททุกอย่างไว้ตั้งแต่แรกแล้ว แต่พอมาทำจริงๆ เราต้องมีการปรับแก้อยู่ตลอดเวลา ให้สมูธ สมเหตุผล มีการเปลี่ยนเหตุการณ์เพิ่มเพื่อให้ผู้อ่านตื่นเต้น ส่วนเรื่องการวาดคือแม่นเรื่องอนาโตมีมากขึ้น และทำงานทั้งการ์ตูน ทั้งการเรียนได้รวดเร็วขึ้น เพราะเราได้วาดเยอะมาก
ถ้าเรื่องนี้จบลงแล้ว มีโปรเจ็กต์ที่อยากทำต่ออีกไหม
ส่วนใหญ่ชอบการ์ตูนแนวตลก แอ็กชัน โชเน็น เบาสมองแต่ดันเขียนอะไรที่หนักสมอง (หัวเราะ) โปรเจ็กต์ต่อไปที่คิดจะเขียนเราวางไว้สองแบบค่ะ ถ้าไม่ตลก กาวๆ ไร้สมองหลุดโลกไปเลยก็อาจจะเป็นแนวจิตวิทยาซีเรียสจริงจังไปเลย แต่คิดว่าคงไปทางแนวตลกมากกว่า เพราะถ้าเขียนแนวจิตวิทยาเครียดๆ พร้อมกับการเรียนต้องตายแน่นอนค่ะ
มีเป้าหมายทางสายอาชีพนี้ยังไง
อยากให้การ์ตูนของเราได้ทำเป็นภาพยนตร์ไม่ก็ซีรีส์ ส่วนตัวคือชื่นชอบทางด้านสื่อมีเดีย วิดีโอ ภาพยนตร์อยู่แล้ว แค่คิดว่าเราจะได้เป็นคนเขียนบทก็รู้สึกน่าสนุกดี
อยากฝากอะไรถึงแฟนๆ REVERSE
อย่าลืมกินปากกาที่ท่าพระกันทุกวันนะคะ (หัวเราะ)
ใครที่ยังไม่เคยอ่าน REVERSE เราอยากแนะนำให้ลองอ่านจริงๆ ค่ะ นอกจากจะได้รับความสนุกแล้ว ผู้เขียนยังสอดแทรกเรื่องราวของคนในครอบครัวได้อย่างน่าสนใจ อีกทั้งเบื้องหลังของความซับซ้อนและความสนุกในเรื่องมาจากการตั้งใจในทำงานอย่างหนักของผู้เขียน รู้จักคุณ ยืนกินปากกาที่ท่าพระ มากขึ้นแล้วอย่าลืมติดตามผลงานของเขาได้ทาง LINE WEBTOON อัปเดตตอนใหม่ทุกวันจันทร์นะคะ