เมื่อต้นปีที่แล้วใครหลายคนคงจะได้เสียน้ำตาไปกับอนิเมชั่นซี่รี่สุดประทับใจอย่าง Violet Evergarden ไปแล้ว และในปลายปีนี้ภาคต่อของสาวน้อยออโต้เมโมรี่ดอลล์ผู้ทำหน้าที่ส่งผ่านความรู้สึกของผู้คนลงในแผ่นกระดาษ จากความรู้สึกของผู้ส่งที่ถูกมอบให้ไปยังผู้รับจะกลับมาสร้างความประทับใจให้แฟนๆได้เสียน้ำตากันอีกครั้งใน Violet Evergarden : Eternity and the Auto Memories Doll
ผลงานระดับรางวัลชนะเลิศจากงาน Kyoto Animation Award ครั้งที่ 5 จากฝีมือผู้แต่งมือทอง คานะ อาคัตสึกิ ประกอบกับงานภาพจาก ทาคาเสะ อากิโกะ คราวนี้ได้กลับมาถ่ายทอดความงดงามในรูปแบบหนังโรง โดยได้ผู้กำกับมากฝีมือแห่ง Kyoto Animation นั่นคือ ฮารุกะ ฟุจิตะ (Sound! Euphonium, Free!) และ ไทจิ อิชิดาเตะ (Kyoukai no Kanata, Air) พร้อมกับงานโปรดักชันของ Kyoto Animation เจ้าเก่าที่ได้สร้างทีวีซีรีส์ที่งามเกินบรรยายอยู่แล้ว
โรงเรียนสตรีชั้นสูงอนุญาตให้เด็กสาวของครอบครัวที่มีฐานะเท่านั้นถึงสามารถเข้าเรียนได้ อิซซาเบลล่า ยอร์ค ได้ตกลงยอมทำตามสัญญาที่ให้ไว้พ่อของเธอ โรงเรียนแสนสวยงามแห่งนี้เป็นดั่งคุกที่มีการล้อมรอบไปด้วยต้นเบิร์ชสีขาวที่บานสะพรั่ง… สิ่งที่ปรากฏต่อหน้าอิซซาเบลล่าผู้สูญเสียความหวังในอนาคต คือ ออโต้เมมโมรี่ดอลล์ ไวโอเล็ต เอเวอร์การ์เดน ที่ได้รับการว่าจ้างให้เป็นผู้ดูแลฝึกสอนของเธอ
เหมือนเวลาผ่านไปไวชั่วพริบตา
ตลอดช่วงเวลาที่นั่งอยู่ในโรง ไม่ว่าจะด้วยเพราะเนื้อเรื่องที่น่าติดตาม งานภาพที่อลังการ ไหนจะเสียงดนตรีที่มาได้ถูกจังหวะทำให้เราอินแทบน้ำตาไหล อีกทั้งยังต่อเนื่องไหลลื่นจนลืมเวลา อยากให้ภาพยนตร์ยาวกว่านี้อีก แม้ว่าภาพรวมของเรื่องคือดราม่า แต่สิ่งที่เป็นเสน่ห์และแฝงอยู่ในทุกผลงานของ Kyoto Animation ก็คือมุขตลกเล็กๆ ที่ใส่มาได้อย่างตรงจังหวะเหมือนกับน้ำตาลที่มาเจือความขมของความเศร้า
ทั้งงานภาพก็ใส่ใจรายละเอียดเป็นอย่างดี มีการใส่สอดแทรกคำใบ้เล็กๆ น้อยๆ แฝงเอาไว้ จนรู้สึกเหมือนได้ดำดิ่งลงไปกับทุกองค์ประกอบของเรื่องนี้ และงดงามจนรู้สึกคุ้มค่ากับทุกวินาทีที่ได้รับชม
โลกหลังสงครามที่เปลี่ยนไป
ในมูฟวีภาคนี้ เนื้อเรื่องจะเผยชีวิตของแต่ละคนหลังเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในทีวีซีรี่ส์ ทุกตัวละครจึงเติบโตขึ้นทั้งร่างกายและจิตใจ เครื่องแต่งกายที่เปลี่ยนใหม่ก็แสดงถึงบุคลิกและนิสัยของคาแรกเตอร์ที่เดินทางผ่านช่วงเวลาจนเป็นพวกเขาในปัจุบันได้เป็นอย่างดี งานออกแบบตัวละครของภาคนี้นับว่าทั้งน่าประทับใจและมีความแปลกใหม่ที่โดยรวมมองว่าดูดีทีเดียว
ต้องขอชมว่าความเป็นมนุษย์ของตัวละครแต่ละคนถูกถ่ายทอดออกมาได้ดีมาก ทั้งการแสดงสีหน้า การแสดงออกทางร่างกาย ไหนจะอารมณ์ที่สัมผัสได้จากบทพูดและการกระทำ มิติของตัวละครเปลี่ยนไปตามความคิดและช่วงเวลาที่ดำเดินเรื่อง หลายๆ สิ่งทำให้เราเข้าใจตัวละครและรู้สึกหลงรักตัวละครหลายๆ ตัวในเรื่อง แม้ว่าบางครั้งจะโผล่มาไม่บ่อยแต่ก็กุมหัวใจเราได้
ไม่เพียงแค่ตัวละครเท่านั้นที่เปลี่ยนไป สงครามได้พลิกผันเซ็ตติ้งของเรื่อง และทำให้โลกหมุนไปอย่างรวดเร็วจนเกิดความเจริญก้าวหน้า มีวิทยาการเหนือจินตนาการต่างๆ เกิดเพิ่มขึ้นมากมาย จนกลายเป็นสิ่งที่ยั่วยวนสายตาและอารมณ์ไม่ให้อยากพลาดแม้เพียงฉากหรือวัตถุเล็กๆ ที่ปรากฎภายในภาพยนตร์ภาคนี้
จดหมายที่ส่งผ่านความรู้สึก
ในสถานการณ์ที่คำพูดไม่สามารถสื่อความหมายและอารมณ์ภายในออกไปได้ทั้งหมด จดหมายจึงเป็นตัวเลือกที่สามารถส่งผ่านความรู้สึกให้แก่ผู้รับได้ผ่านตัวอักษร จุดนี้ชวนให้ตระหนักว่าในโลกของเราที่เทคโนโลยีก้าวไปไวจนการเขียนจดหมายเสื่อมความนิยม ไม่เพียงแต่เราจะมีโอกาสถ่ายทอดความรู้สึกอย่างบรรจงได้น้อยลง เรายังให้คุณค่าแก่การได้รับการสื่อสารจากคนที่คะนึงหาและการเฝ้ารอคอยน้อยลงไปด้วย
ภาพยนตร์เรื่องนี้อาจไม่ถึงขั้นทำให้คุณอยากหยิบปากกาคอแร้งมาจุ่มหมึกแล้วสะบัดวาดบนผืนกระดาษ อาจไม่ทำให้คุณต้องเลิกส่งอีเมลแล้วหันไปเขียนจดหมาย แต่จะเชื้อเชิญให้คุณได้มองย้อนกลับไปว่าครั้งสุดท้ายที่คุณได้รับ ‘ข้อความ’ จากใครสักคนแล้วซึมซับความรู้สึกและเจตนารมณ์สุดขั้วหัวใจคือเมื่อไร …อย่างแน่นอน
Violet Evergarden: Eternity and the Auto Memories Doll จะส่งเรื่องราวของตัวละครผ่านจดหมายให้คุณได้เสียน้ำตา 12 ธันวาคมนี้ ในโรงภาพยนตร์ที่ร่วมรายการ