ภาพปก: huffingtonpost.kr
วินาทีนี้ บรรยากาศแวดวงการ์ตูนในประเทศเกาหลีซึ่งเป็นแหล่งกำเนิดการ์ตูนแนวดิ่ง เว็บคอมิก กำลังร้อนระอุ หลังมีข่าวรั่วว่า Lezhin Comic แพลตฟอร์มการ์ตูนออนไลน์ชื่อดังได้มีการจัดแบล็กลิสต์นักเขียนการ์ตูนจำนวนหนึ่งที่มีพฤติกรรมต่อต้านนโยบายของบริษัทและร้องเรียนกรณีค่าต้นฉบับและการปฏิบัติที่ไม่เป็นธรรม ลุกลามไปสู่การชุมนุมประท้วงครั้งใหญ่และกลายเป็นข่าวที่สื่อหลักตีแผ่ทั่วประเทศเกาหลี
ใครคือ Lezhin Comic
เลซิน คอมิก คือชื่อของผู้ให้บริการแพลตฟอร์มการ์ตูนออนไลน์ในประเทศเกาหลีซึ่งเปิดให้บริการตั้งแต่ปี 2013 ก่อตั้งโดยฮัน ฮวีซอง บล็อกเกอร์เจ้าของนามปากกา Resin ผู้ก่อตั้งเว็บไซต์ Resin.com เลซินมีจุดเด่นที่คอนเทนต์ส่วนใหญ่เป็นการ์ตูนสำหรับผู้ใหญ่เพราะมุ้งเน้นกลุ่มผู้อ่านที่มีกำลังซื้อสูงโดยเฉพาะ แต่ก็มีคอนเทนต์อีกจำนวนหนึ่งที่เป็นการ์ตูนแนวอื่นๆ รวมอยู่ด้วย
ต่อมาเลซินได้เปิดให้บริการในประเทศญี่ปุ่นในปี 2015 และเปิดให้บริการในเวอร์ชันภาษาอังกฤษสำหรับผู้อ่านนานาชาติในปลายปีเดียวกัน ปัจจุบันถือเป็นแพลตฟอร์มที่ใหญ่ที่สุดในประเทศเกาหลีด้วยจำนวนการ์ตูนมากกว่า 7,000 เรื่อง โดยในจำนวนนี้มี 700 เรื่องที่เลซินเผยแพร่ร่วมกับนักเขียนการ์ตูนรายย่อยโดยตรง
จุดเริ่มต้นของวิกฤติเลซิน
ในวันที่ 19 กันยายน 2560 ฮวีแซ็ก หรือ เกรย์ ผู้เขียนเรื่อง วอลฮันคังชอลรก (월한강천록 สายธารแม่น้ำคัง) ซึ่งเป็นหนึ่งในซีรีส์ระดับท็อปที่เผยแพร่บนเลซินมานานกว่า 4 ปี ได้ประกาศทางทวิตเตอร์ส่วนตัวว่าจะสิ้นสุดสัญญากับเลซินโดยอธิบายว่าส่วนหนึ่งเป็นเพราะเธอตรวจพบเนื้องอกขนาด 1.5 ซม.ในต่อมไทรอยด์ แต่เมื่อขอพักเพื่อฟื้นฟูสุขภาพ ผู้ดูแลต้นฉบับกลับบอกว่า “ฉันก็มีเนื้องอกเหมือนกัน ใหญ่กว่าด้วย เคยหยุดไปแล้วยังจะขอหยุดอีกหรือ?” เธอทวีตเสริมว่าเธอได้พยายามขอหยุดพักทุกวันและรู้สึกแย่มากที่ต้องทำเช่นนั้น ก่อนที่เธอจะตรวจพบว่าเนื้องอกนั้นเป็นมะเร็งในเวลาต่อมา ผู้ดูแลจึงยอมเชื่อและมาเยี่ยมในวันที่เธอนอนบนเตียงผู้ป่วยขณะเตรียมเข้ารับการผ่าตัด
https://twitter.com/yousowol/status/909950941767405568
หลังจากทวิตดังกล่าวได้ถูกเผยแพร่และรีทวีตต่อเป็นจำนวนมาก แต่เลซินกลับตอบโต้โดยการออกประกาศซึ่งมีใจความว่า “เลซินเคารพในสปิริตและความมุ่งมั่นของผู้เขียนเรื่องวอลฮันคังชอลรกมาตลอดระยะเวลา 4 ปีที่ผ่านมา สภาพร่างกายของผู้เขียนถือเป็นสิ่งสำคัญสูงสุด แต่น่าเสียดายที่ความจริงของเรื่องที่ทุกคนกำลังพูดถึงไม่ได้เป็นเช่นนั้น” เป็นนัยว่าฮวีแซ็กกำลังพยายามให้ร้ายเลซิน ซึ่งการตอบโต้นี้ได้จุดชนวนให้ผู้ที่ติดตามประเด็นนี้เดือดดาลเป็นอย่างยิ่ง เป็นจุดเริ่มที่นักเขียนร่วมค่ายคนอื่นๆ ออกมาโจมตีเลซินตามมา
นักเขียนโอดค่าปรับส่งต้นฉบับนอกสัญญา
เลซินได้มีนโยบายหักรายได้ 3% ออกจากส่วนแบ่งรายเดือนของนักเขียนกรณีที่ส่งต้นฉบับล่าช้าสองชั่วโมงแรก (หลังบ่าย 3 ของสองวันก่อนวันเผยแพร่) และ 6% สำหรับการส่งสายสามชั่วโมง และ 9% สำหรับสี่ชั่วโมง ซึ่งค่าปรับนี้จะถูกหักออกจากรายได้รวมทั้งเดือน ไม่ใช่รายได้จากตอนที่ส่งล่าช้าเพียงตอนเดียว นักเชียนชื่อคิมยอน ผู้เขียนเรื่องมูกุงมูจิน (무궁무진) ได้ทวีตในวันที่ 8 ธันวาคมว่าค่าปรับนี้ไม่มีอยู่ในสัญญาที่ตกลงไว้ รวมถึงของนักเขียนคนอื่นที่ทำสัญญากับเลซินในเวลาไล่เลี่ยกันก็เช่นกัน
https://twitter.com/kkuu614/status/939094505365499904
ในประเด็นนี้ ฮวีแซ็กก็เผยว่าค่าปรับนี้เคยสูงถึง 20% และเธอก็เป็นหนึ่งในกลุ่มนักเขียนที่ไกล่เกลี่ยจนลดเหลืออัตราปัจจุบัน และเธอเองก็ถูกหักค่าปรับล่าช้ารวมแล้วกว่า 10 ล้านวอน (ประมาณ 2.9 แสนบาท) แม้ว่าบริษัทจะทราบแล้วว่าเธอเป็นโรคมะเร็งก็ตาม ทำให้ผู้อ่านเริ่มจับประเด็นได้ว่านอกเหนือจากปัญหาสุขภาพแล้ว ข้อขัดแย้งที่มีกับเลซินน่าจะเป็นสาเหตุหลักที่ทำให้เธอยุติความสัมพันธ์กับค่ายใหญ่ในครั้งนี้
เผยเลซินเบี้ยวจ่ายส่วนแบ่ง
ตามที่เลซินเปิดเผย โครงสร้างรายได้ของเลซินมีช่องทางเดียวคือมาจากการที่ผู้อ่านซื้อคอยน์เพื่อปลดล็อกเนื้อหาที่ต้องการอ่าน

โดยปกติของแพลตฟอร์มการ์ตูนในลักษณะนี้ รายได้ของคอยน์ก็จะถูกแบ่งให้ทั้งเจ้าของแพลตฟอร์มและนักเขียนผู้ผลิตคอนเทนต์ ซึ่งปรากฎว่าของเลซินนั้นมีแบ่งสัดส่วนรายได้เข้าตนเอง 70% และแบ่งแก่นักเขียนเพียง 30% และในบางแหล่งข่าวระบุว่าถ้าเป็นคอนเทนต์ที่เผยแพร่ในต่างประเทศ นักเขียนจะได้รายได้เพียง 10-20% เท่านั้น
แม้ว่าเลซินจะมีนโยบาย Minimum Guarantee หรือ MG ซึ่งจะจ่ายรายได้คงที่แก่นักเขียนเดือนละ 2 ล้านวอน (ประมาณ 58,000 บาท) ไม่ว่ารายได้หลังหักส่วนแบ่งกับเลซินจะเหลือเท่าใดก็ตาม แต่ปรากฎว่านักเขียนที่ทำรายได้หลังหักส่วนแบ่งไม่ถึง MG จะถูกตีตราเป็น ‘นักเขียนด้อยศักยภาพ’ และจะไม่ได้รับการโปรโมตหรือทำการตลาดใดๆ ยิ่งทำให้นักเขียนรายย่อยไม่มีโอกาสเติบโต และบางส่วนก็ยอมเป็นฝ่ายถอนตัวจากเลซิน
นอกจากนี้แล้ว ยังมีนักเขียนจำนวนหนึ่งออกมาเผยถึงการจ่ายค่าต้นฉบับไม่ตรงกำหนด มิจจี ผู้เขียนเรื่อง ‘340 อิลคันอเว ยูเย’ (340 วันอันอ่อนช้อย) และ ‘พมอเว ชองวอนอึโร โอรา’ (เยือนพฤกษชาติแห่งฤดูใบไม้ผลิ) ได้ทวีตวิจารณ์ความไม่เป็นธรรมของเลซินมาตั้งแต่เดือนพฤษภาคม และโพสต์ในบล็อกส่วนตัวในปลายเดือนธันวาคมว่าเธอเพิ่งสังเกตว่าเธอไม่ได้รับค่าต้นฉบับสำหรับตอนสต๊อก (ต้นฉบับที่นักเขียนส่งตุนไว้เผื่อกรณีขาดส่ง แพลตฟอร์มก็จะยังคงมีคอนเทนต์สำหรับลงไม่ขาดช่วง) หลังจากซีรีส์ของเธอได้จบไปแล้ว 6 เดือน หลังจากการนั้นก็ได้มีนักเขียนออกมาร่วมเผยว่าไม่ได้รับค่าต้นฉบับสำหรับตอนสต็อกเช่นกัน เมื่อทวงถามก็ใช้เวลานับเดือนกว่าจะได้การตอบกลับจากเลซิน ทั้งยังได้เงินเฉพาะนักเขียนที่ไปทวงเท่านั้น
ในเดือนเดียวกัน ฮวีแซ็กก็เผยว่าเธอไม่เคยได้รับส่วนแบ่งจากยอดขายในจีนมานานกว่า 2 ปี หลังจากได้ครั้งแรกครั้งเดียวในปี 2015 และไม่ทราบว่าซีรีส์ของเธอจบในจีนตั้งแต่เมื่อไร และไม่ทราบยอดขายและส่วนแบ่งของเธอเสียด้วยซ้ำ
นักเขียนแห่เปิดโปงอีกหลายประเด็น

หลังจากนั้น นักเขียนที่ออกผลงานกับเลซินได้ออกมาแสดงจุดยืนทางช่องทางส่วนตัวต่างๆ พร้อมกับบอกเล่าความไม่ยุติธรรมที่เลซินกระทำต่อตนซึ่งแตกเป็นอีกหลายประเด็น อาทิ
- เลซินปิดให้บริการเว็บโนเวลในเดือนสิงหาคมโดยแจ้งนักเขียนนิยายเพียง 2 สัปดาห์ก่อนปิดบริการ โดยให้เหตุผลเพียงว่าเว็บโนเวลไม่ทำกำไร
- มิจจีเผยว่าในสัญญาของเลซินมีสวัสดิการให้นักเขียนตรวจสุขภาพประจำปี แต่ปรากฎว่าเมื่อนัดหมายกับโรงพยาบาลเพื่อเข้ารับการตรวจก็ปรากฎว่าไม่มีรายชื่ออยู่ในรายการตรวจปีนี้ เนื่องจากถูกเปลี่ยนให้เป็นการตรวจราย 2 ปีไปแล้วโดยที่เลซินไม่เคยแจ้งให้ทราบ เมื่อเธอทวงถามผู้ดูแลแล้วก็ไม่ได้รับการชี้แจงแต่อย่างใด
- ฮวีแซ็กเผยว่าแม้เธอจะยุติสัญญากับเลซินไปแล้ว แต่เลซินก็ยังคงปล่อยข่าวลือและให้ร้ายเธออย่างไม่ลดละ อาทิ เธอใช้อาการป่วยเป็นข้ออ้างในการเลิกสัญญาเพื่อไปหาอีกบริษัทที่ให้เงินมากกว่า หรือกระทั่งบอกว่าที่จริงแล้วเธอเป็นคนสติไม่สมประกอบ
- Window to Window ซีรีส์ของนักเขียนชื่อลีอารู ที่ครองอันดับ 1-2 ของเลซินและและมียอดขายหลายสิบล้านวอนได้อวสานลง พอดีจังหวะที่เธอได้รับเสนอให้ลงผลงานกับอีกบริษัทหนึ่ง เธอต้องการนำคาแรคเตอร์ชุดเดิมไปใช้ต่อและย้ำกับกองบ.ก.หลายครั้งจนแน่ใจว่าทำได้ แต่เมื่อซีรีส์ใหม่ของเธอถูกเผยแพร่ เธอก็ได้รับการติดต่อจากผู้ดูแลคนเดิมว่าเธอทำผิดสัญญา และซีรีส์เก่าของเธอก็ถูกถอดออกจากการโปรโมตในเลซินทันที
- BV และมีวุล (ผู้เขียนเรื่อง Youthful Romance) พบว่าซีรีส์ของทั้งสองในญี่ปุ่นหยุดอัปเดตตอนที่ 50 จากที่มีทั้งหมด 105 ตอน ทั้งที่ในสัญญาระบุว่าการยุติการเผยแพร่จะทำได้ก็ต่อเมื่อตกลงร่วมกันแล้วทั้งสองฝ่าย
- นักเขียนหลายคนที่มีซีรีส์ในภาษาญี่ปุ่นพบว่าบางตอนมียอดขายเป็นลบและจำนวนคอยน์ไม่สอดคล้องกับยอดอ่านจริง เลซินอธิบายว่าเป็นข้อผิดพลาดของระบบหลังออกโปรโมชันลดราคาหลังจากจ่ายส่วนแบ่งผิดเป็นระยะเวลาสองปีเต็ม
เมื่อกระแสโจมตีทวีความรุนแรงขึ้นยิ่งขึ้น เลซินได้ร่อนอีเมลไปยังนักเขียนในเครือทุกคนว่าหากมีความจำเป็น เลซินจะต้องดำเนินคดีกับนักเขียนที่ปล่อยข่าวบิดเบือนไปจากความเป็นจริงและทำให้บริษัทเสื่อมเสียชื่อเสียง
สมาคมนักเขียนออกโรงหนุน – จี้เลซินแก้ไข
สมาคมนักเขียนเว็บตูนเกาหลี (Korea Webtoon Association) เป็นองค์กรแรกที่แสดงจุดยืนในเหตุการณ์นี้ โดยได้ออกแถลงการณ์ทางหน้าแฟนเพจอย่างเป็นทางการในวันที่ 25 กันยายน
แถลงการณ์มุ่งเน้นไปยังประเด็นค่าปรับล่าช้า สมาคมกล่าวว่าการหักรายได้ของนักเขียนเป็นค่าปรับเป็่นการกระทำที่ไม่เป็นธรรมและไม่อยู่ในสัญญา เนื่องจากเป็นการปรับจากความล่าช้าในการส่งต้นฉบับ ไม่ใช่ความล่าช้าในการแผยแพร่การ์ตูนบนระบบของเลซิน หากเทียบกับข้อกำหนดที่ให้ส่งต้นฉบับก่อนวันลง 2 วัน การส่งต้นฉบับเกินเดดไลน์เพียงไม่กี่ชั่วโมงนั้นไม่มีผลกระทบต่อผู้อ่าน ที่สำคัญคือไม่สร้างความเสียหายทางการเงินแก่บริษัท และไม่มีทางเสียหายถึงหลักหลายวอนเท่าที่เลซินได้หักค่าตอบแทนจากนักเขียนรายใหญ่แน่นอน
https://www.facebook.com/webtoonistassociation/posts/1485634748140539
สมาคมจึงได้เรียกร้องให้เลซินยกเลิกค่าปรับล่าช้านี้และคืนเงินแก่นักเขียนที่เลซินเคยหักเงินไว้ หรือหากจะคงค่าปรับนี้อยู่ จะต้องระบุเป็นจำนวนเงินที่ชัดเจนลงในสัญญาในฐานะค่าปรับที่นักเขียนส่งมอบต้นฉบับเกินกำหนดในฐานะซัพพลายเออร์ และจะต้องมีข้อตกลงที่ชดเชยความเสียหายแก่นักเขียนในกรณีเลซินเป็นฝ่ายผิดสัญญาด้วย
ต่อมาในเดือนพฤศจิกายน เลซินได้ประกาศว่าจะยกเลิกค่าปรับล่าช้านี้ในเดือนกุมภาพันธ์ 2561 เหตุที่ต้องใช้เวลานานถึง 3 เดือนก็เพราะจะต้องใช้เวลาในการแก้ไขสัญญาของนักเขียนเป็นรายบุคคล
เลซินโต้กลับ ขึ้นรายชื่อนักเขียนบัญชีดำ
ในวันที่ 5 ธันวาคม ได้มีแคมเปญล่ารายชื่อเสนอบลูเฮาส์ (ทำเนียบประธานาธิบดีของเกาหลีใต้) ให้มีการตรวจสอบภาษีของเลซินหลังมีเค้าทุจริต พร้อมมีหลักฐานเป็นอีเมลภายในของเลซินที่รั่วไหลออกมา มีใจความว่าในที่ประชุมคณะผู้บริหารได้กำหนดรายชื่อของนักเขียนที่ ‘เป็นภัยคุกคาม’ ราว 10 คน (ซึ่งเป็นนักเขียนที่ได้ออกมาวิจารณ์นโยบายของเลซินทางโซเชียลเน็ตเวิร์กก่อนหน้านี้) และกำหนดให้งดการโฆษณาและกิจกรรมสำหรับซีรีส์ของกลุ่มนักเขียนดังกล่าว และยังมีนักเขียนที่ ‘มีแนวโน้มเป็นภัยคุกคาม’ อีกราว 20 คนที่จะต้องจับตามองเป็นพิเศษ
ทั้งยังระบุว่าเป็นคำสั่งพิเศษจาก ‘เลซิน’ ซึ่งเป็นชื่อเล่นของฮัน ฮวีซอง เจ้าของและผู้บริหารเลซิน

ในรายชื่อนั้นมีมิจจีและอึนซอง (ผู้เขียนเรื่อง Reversi) อยู่ด้วย โดยปกติซีรีส์ของมิจจีจะครองอันดับท็อป 10-20 มาโดยตลอด แต่หลังจากเกิดการแบล็กลิสต์ขึ้น เธอก็สูญเสียรายได้เกือบ 10 ล้านวอน (2.9 แสนบาท) ส่วนซีรีส์ของอึนซองซึ่งได้รับความนิยมในระดับเดียวกันทั้งยังเป็นซีรีส์ยอดนิยมอันดับ 1 ของหมวดไซไฟก็ถูกถอดจากหน้าหลักและการแนะนำทันที แม้ว่าซีรีส์ของเธอจะขึ้นซีซัน 2 หลังหยุดพัก 3 เดือนก็ไม่มีการประกาศข่าวให้ ทั้งเธอยังถูกถอดผู้ดูแลต้นฉบับออก โดยบ.ก.คนก่อนหน้าบอกกับเธอว่า “ไม่มีบ.ก.คนไหนในนี้อยากทำงานกับเธอ”
หลังจากการล่ารายชื่อได้เริ่มต้นขึ้น เลซินได้ออกแถลงทางเว็บไซต์อย่างเป็นทางการ โดยคำชี้แจงมีข้อสรุปดังนี้
- เลซินมีผู้สอบบัญชีภายนอกและได้ปฏิบัติตามข้อกฎหมายทุกประการ และไม่เคยจงใจระงับการจ่ายเงินแก่นักเขียนคนใด ส่วนการชำระเงินที่เคยผิดพลาดได้มีการเคลียร์กับนักเขียนคู่กรณีครบถ้วนแล้ว บริษัทยังได้แต่งตั้งที่ปรึกษาด้านกฎหมายจากภายนอกเพื่อดำเนินคดีกับนักเขียน 2 รายที่กล่าวให้ร้ายแก่บริษัทเพื่อยับยั้งความเสื่อมเสียชื่อเสียงและความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นกับนักเขียนรายอื่น
- เลซินมีการจ่ายค่า MG และส่วนแบ่งเป็นรายเดือนอย่างสม่ำเสมอและไม่เคยลงโทษนักเขียนที่ทำรายได้ไม่ถึง MG ด้วยวิธีการใดๆ และนักเขียนทุกคนต่างได้รับสวัสดิการที่ดีเทียบเท่ากับบุคลากรประจำของบริษัท
- การ์ตูนของเลซินที่เผยแพร่ในประเทศจีนไม่ใช่ของบริษัทเลซินดูแลโดยตรง แต่เป็นเอเจนซีที่อยู่ในประเทศจีน เลซินยอมรับข้อผิดพลาดที่เกิดขึ้นเกี่ยวกับการค้างชำระส่วนแบ่งรายได้จากจีนและได้เคลียร์กับนักเขียนครบจำนวนเรียบร้อยแล้ว
ต่อมา ผู้อำนวยการฝ่ายทรัพย์สินทางปัญญาได้ให้สัมภาษณ์กับ naver news ถึงกรณีการค้างชำระส่วนแบ่งจากจีนว่ารายได้จากเลซินในประเทศจีนเป็นจำนวนเงินเพียงเล็กน้อยเนื่องจากตลาดจีนนิยมคอนเทนต์อ่านฟรีและคอนเทนต์ของนักเขียนจีนเป็นส่วนใหญ่ ทั้งยังมีกฎหมายเซ็นเซอร์และมีสภาพแวดล้อมที่ต่างจากเกาหลีมาก และการที่นักเขียนยังไม่ได้รับส่วนแบ่งไม่ใช่เพราะเลซินดึงเงินไว้และไม่มีการจ่ายล่าช้า เพียงแต่การสรุปรายได้รวมระยะเวลา 3 ปีใช้เวลานานกว่าที่คาดการณ์ และไม่มีแผนจะจ่ายเงินชดเชยแก่นักเขียนเหล่านี้
18 ธันวาคม เลซินได้ประกาศว่าจะเปิดแผนกสื่อสารกับศิลปินเพื่อแก้ปัญหาความเข้าใจคลาดเคลื่อนที่เคยเกิดขึ้น และจะจัดประชุมใหญ่กับนัักเขียนในวันที่ 11 และ 13 มกราคม 2561 เพื่อหารือเกี่ยวกับสัญญาใหม่ที่จะไม่มีค่าปรับล่าช้า โดยให้สิทธินักเขียนที่ยังมีสัญญากับเลซินเข้าร่วมเท่านั้น ไม่อนุญาตให้นักเขียนที่สังกัดเอเจนซีและนักเขียนนิยายเข้าร่วม รวมแล้วมีนักเขียนที่ตอบรับเข้าร่วมประชุม 75 คน
นักเขียนลุกฮือประท้วงนับร้อย
ต่อมาในวันที่ 2 มกราคม เลซินเปลี่ยนใจยินยอมให้นักเขียนเอเจนซีเข้าร่วมการประชุมด้วย แต่ยังคงไม่ให้นักเขียนนิยายเข้าร่วม และปฏิเสธนักเขียนนิยายอีกครั้งในวันที่ 4 มกราคม นักเขียนนิยายจึงประกาศชุมนุมประท้วงในวันประชุมทั้งวันที่ 11 และ 13 มกราคม และชักชวนอดีตนักเขียนเลซิน นักเขียนค่ายอื่น และนักอ่านมาร่วมชุมนุมด้วย แต่ภายหลังเลซินก็ได้ประกาศเลื่อนการประชุมอย่างไม่มีกำหนด โดยอ้างว่าเจ้าของสถานที่ปฏิเสธการให้เช่าเพราะนักเขียนโนเวลนัดหมายชุมนุมกัน ฝั่งผู้ประท้วงจึงตอบโต้ด้วยการประกาศชุมนุมที่หน้าสำนักงานของเลซินในวันที่ 11 มกราคมวันเดียวแทน

ในวันที่ 11 มกราคม มีผู้ชุนนุมราว 100 คน (รวมถึงมิจจีเองก็มาร่วมด้วย) สวมใส่เสื้อ หมวก และถือธงพิมพ์ลายกากบาทพาดบนสุนัขสีขาวซึ่งเป็นโลโก้ของเลซิน พร้อมถือป้ายแสดงความไม่พอใจต่อนโยบายของเลซิน การชุมนุมได้ถูกจับตามองและเผยแพร่ไปยังสื่อหลักทั่วประเทศเกาหลีใต้ ต่อมาทางเลซินก็ได้ให้สัมภาษณ์กับ SBS News โดยยอมรับว่าอีเมลภายในที่รั่วไหลเป็นของเลซินจริง แต่เป็นเพราะมิจจีและอึนซองปล่อยข่าวลือที่เป็นเท็จ ทำให้พนักงานของเลซินบันดาลโทสะและใช้ถ้อยคำที่ไม่เหมาะสม และชี้แจงว่าบริษัทได้พยายามแก้ไขเรื่องการจ่ายเงินที่ผิดพลาดและจะมีการชดเชยแก่นักเขียนอย่างครบถ้วน
https://twitter.com/creative_2017/status/951315927877824512
ประชุมวุ่น นักเขียนจี้ปมแบล็กลิสต์
การประชุมถูกนัดหมายอีกครั้งในวันที่ 16 และ 18 มกราคม โดยที่นักเขียนที่หมดสัญญากับเลซินแล้วได้รับอนุญาตให้เข้าร่วมประชุม

แต่จะถูกจำกัดสิทธิในช่วงถามตอบ และไม่อนุญาตให้มีการบันทึกเสียงและเผยแพร่สู่ภายนอก การประชุมครึ่งแรกเป็นการอธิบายนโยบายใหม่ของเลซินตามสไลด์ที่เลซินได้ส่งทางอีเมลแก่นักเขียนทุกคนในสัปดาห์ก่อนหน้า ในสไลด์มีการกล่าวขออภัยนักเขียนในกรณีการค้างชำระส่วนแบ่งรายได้จากจีน แต่ฮวีแซ็กได้ยกมือท้วงถามว่าเหตุใดเธอจึงไม่ได้รับไฟล์สไลด์นี้และไม่เคยได้รับการขอโทษจากบริษัทโดยตรง ผู้บริหารก็เพียงตอบว่าเมื่อวานได้พยายามติดต่อเธอแล้วแต่เธอปิดโทรศัพท์
ช่วงถาม-ตอบในครึ่งหลังนักเขียนส่วนใหญ่ยังคงยิงคำถามเกี่ยวกับแบล็กลิสต์ ผู้ดำเนินรายการพยายามบ่ายเบี่ยงไม่ให้ถามคำถามเหล่านี้ โดยเฉพาะนักเขียนที่สวมผ้าคาดสีดำลายประท้วงเลซิน เลซินก็ยังคงยืนยันว่าบัญชีดำของเลซินนั้นไม่มีอยู่จริง เพียงแต่ถูกพูดถึงในอีเมลเพราะความไม่ยั้งคิดของคนในบริษัทเท่านั้น และเมื่อถามถึงอัลกอริธึมหรือหลักการคัดเลือกซีรีส์ที่จะโปรโมตหรือไม่โปรโมต เลซินก็ตอบว่าทีมการตลาดเป็นผู้คัดเลือกเองจากยอดขาย ความนิยม และปัจจัยอื่นๆ แต่ที่ผ่านมาเลซินก็ได้โปรโมตแก่ซีรีส์เป็นจำนวนมากจนจำไม่ได้ว่ามีเรื่องไหนที่เคยโปรโมตไปแล้วบ้าง
ส่วนนัดประชุมวันที่ 18 ก็ถูกยกเลิกในวันนั้นโดยทางเลซินให้เหตุผลเดียวกันกับการเลื่อนครั้งก่อนหน้า
สื่อปูดเลซินเลี้ยงข้าวปิดปากนักข่าว
เมื่อเลซินยังคงดูไม่มีทางตอบที่ชัดเจนสำหรับนักเขียนปัจจุบันและอดีตนักเขียนที่เดือดร้อน สมาคมและองค์กรภายนอกต่างๆ ก็ได้ทะยอยออกมาแสดงจุดยืนและเรียกร้องให้เลซินเร่งแก้ปัญหาอย่างจริงใจ อาทิ สมาคมนักเขียนเว็บตูนเกาหลีและสมาคมนักเขียนมังฮวาเกาหลี ได้เรียกร้องให้ CEO ของเลซินออกมาขอโทษและออกแผนเยียวยานักเขียนที่ได้รับผลกระทบโดยเร็วที่สุด สหภาพนักประพันธ์ไซไฟแห่งเกาหลีใต้ ได้แสดงความเป็นห่วงกล่าวว่าการขึ้นบัญชีดำและละเมิดนักเขียนรายบุคคลเป็นผลเสียต่อทั้งอุตสาหกรรมสร้างสรรค์ และการจงใจทำสัญญาไม่เป็นธรรมเป็นเรื่องที่ยอมรับไม่ได้ สมาคมผู้พัฒนาเกม ได้เรียกร้องให้เลซินหยุดดำเนินคดีกับนักเขียนที่ออกมาเปิดโปงเรื่องนี้และยินดีให้ความช่วยเหลือนักเขียนเว็บคอมิกที่ถูกเอาเปรียบจากผู้พัฒนาเกม

ทางด้านของผู้อ่านก็ได้มีการติดตามประเด็นนี้และวิพากย์วิจารณ์เลซินอย่างเผ็ดร้อนทางแฮชแท็ก #sue_me_to #lezhin_blacklist #lezhin_illegal
วันที่ 29 มกราคม สำนักข่าว MediaUs ของเกาหลีได้เผยตัวเลขว่าในระยะเวลา 1 ปี 9 เดือนที่ผ่านมา เลซินได้ใช้จ่ายกับ ‘ค่ารับรองสื่อ’ มากถึง 21.5 ล้านวอน (ประมาณ 6.3 แสนบาท) ซึ่งเป็นจำนวนเงินที่ฝ่ายประชาสัมพันธ์ของบริษัทจะใช้จ่ายกับนักข่าวมากจนผิดสังเกต ทั้งยังได้ตั้งข้อสังเกตว่าบริษัทสื่อ 15 แห่งที่เคยรับประทานอาหารกับผู้จัดการฝ่าย PR ของเลซินซึ่งยังได้รับทั้งของขวัญที่มีมูลค่าสูงไม่เคยเขียนข่าวที่เป็นด้านลบของเลซิน ในจำนวนนี้มี 4 แห่งที่เขียนถึงเลซินมากกว่า 100 บทความเสียด้วยซ้ำ
ในขณะที่สำนักข่าวที่ติดตามประเด็นฉาวนี้ล้วนแต่เป็นสำนักข่าวที่ไม่เคยมีความสัมพันธ์กับฝ่าย PR ของเลซิน ทำให้เหล่านักเขียนออกมาเผยว่าเลซินไม่เคยเลี้ยงรับรองหรือเสิร์ฟกาแฟให้แม้แต่แก้วเดียวเสียด้วยซ้ำ แต่ทางเลซินได้อธิบายว่าการเลี้ยงข้าวสื่อถือเป็นเรื่องปกติของฝ่าย PR และเลซินไม่เคยร้องขอให้สำนักข่าวใดช่วยปิดข่าวเรื่องใดเรื่องหนึ่งของตน
ลงดาบฟ้องมิจจีและอึนซอง

วันที่ 30 มกราคม เลซินได้ประกาศยุติการเผยแพร่ซีรีส์ของมิจจีและอึนซองตั้งแต่วันที่ 6 กุมภาพันธ์เป็นต้นไป (ยกเว้นผู้อ่านที่ได้ซื้ออ่านถาวรไปแล้วยังคงอ่านได้) โดยที่มิจจี้และอึนซองไม่ทราบเรื่องจนกระทั่งมีผู้อ่านไปบอกในโซเชียลมีเดีย
ในวันเดียวกันนั้นเอง ภายในงานสัมมนา ‘การสร้างระบบนิเวศที่เป็นธรรมกับนักเขียนเว็บตูน’ เลซินได้ส่งข่าวประชาสัมพันธ์แก่สื่อมวลชนว่าจะดำเนินการทางกฎหมายกับนักเขียนสองคนที่เผยแพร่ข่าวเท็จ มิจจีและอึนซองทวีตว่าทั้งสองได้รับอีเมลพร้อมหนังสือแจ้งเตือนให้ขอโทษและลบสิ่งที่โพสต์ไว้ทางโซเชียลมีเดีย มิฉะนั้นจะถูกดำเนินคดี ซึ่งสองสมาคมนักเขียนมังฮวาและเว็บตูนเกาหลีก็ได้โต้ทันทีว่าจะปกป้องนักเขียนทั้งสอง และยังท้าทายให้เลซินฟ้องสมาคมด้วยในฐานที่รวบรวมและเผยแพร่ความไม่เป็นธรรมของเลซิน
การต่อสู้ยังคงดำเนินต่อ

วันที่ 13 กุมภาพันธ์ ได้มีงานแถลงข่าว ณ รัฐสภา มิจจี, อึนซอง, นักเขียนเลซินที่ได้รับผลกระทบ, ยุนแทโฮ นายกสมาคมนักเขียนมังฮวาเกาหลี, ลีจงกิ รองนายกสมาคมนักเขียนเว็บตูนเกาหลี พร้อมด้วยยูอึนเฮย สมาชิกพรรคเดโมแครต กล่าวแก่สื่อมวลชนว่าเลซินยังคงปฏิเสธการมีอยู่ของแบล็กลิสต์ตามที่หลักฐานได้ปรากฎตามสื่อต่างๆ และทุกคนจะผนึกกำลังกันต่อสู้กับเลซินเพื่อปกป้องสิทธิประโยชน์ของนักเขียนและอุตสาหกรรมสร้างสรรค์ของเกาหลี
“ชีวิตของเราต้องถูกเบียดบังด้วยหมายศาลกองโต นี่เป็นครั้งแรกในชีวิตที่ฉันรู้สึกถูกคุกคามขนาดนี้เพราะความโหดร้ายของเลซิน และฉันก็ยังคงต้องใช้ชีวิตอยู่กับความกลัวอยู่ทุกวันนี้”
มิจจีกล่าวต่อหน้าสื่อมวลชนในงานแถลงข่าว
เรียกได้ว่าทั้งสองฝ่ายต่างดับเครื่องชนดำเนินคดีอย่างเต็มที่ นี่อาจเป็นเหตุการณ์สำคัญของหน้าประวัติศาสตร์วงการเว็บคอมิกซึ่งเป็นหนึ่งในอุตสาหกรรมป็อปคัลเจอร์ที่ใหญ่ที่สุดและทรงอิทธิพลที่สุดของเกาหลีใต้ที่จะต้องจับตามองเป็นอย่างยิ่งว่าสุดท้ายแล้ว ใครกันแน่ที่จะเป็นผู้ชนะในคดีนี้
อ้างอิง: