ตลอดปีที่ผ่านมาอนิไทม์ได้นำเสนอสาระบันเทิงอันว่าด้วยการ์ตูนไปแล้วมากมาย ซึ่งหนึ่งในประเภทบทความที่เป็นหลักใหญ่ใจความของอนิไทม์ก็คือบทความรีวิว หรือแนะนำอนิเมะ มังงะ เกม เพลง ภาพยนตร์ และอื่นๆ ทั้งเก่าและใหม่ที่ไม่เพียงแต่จะสนุก ยังมีแง่มุมที่น่าสนใจ น่าค้นหา น่าตั้งคำถามกับโลกจริงของเราอยู่อีกมากมาย เพื่อให้ผู้คนที่ตามปกติอาจจะไม่ได้อ่านการ์ตูน หรือมองว่าการ์ตูนเป็นสื่อที่ไร้สาระ สามารถหันกลับมามองการ์ตูนดีๆ ในฐานะสื่อน้ำดี ไม่ต่างจากภาพยนตร์ หรือหนังสือประเภทอื่นๆ ได้
ในวาระผ่านพ้นปี 2015 นี้ อนิไทม์จึงฉุดกระชากลากถูกนักเขียนอนิไทม์แต่ละท่าน ซึ่งปัจจุบันก็แยกกันเขียนตัวใครตัวมัน มาสมานฉันท์กันคัดเลือกการ์ตูนที่พวกเขารู้สึกว่า การก้าวผ่านไปยังปี 2016 ของคุณจะไม่สมบูรณ์หากว่าคุณพลาดสิ่งเหล่านี้ จะมีเรื่องอะไรบ้าง เรื่องเหล่านี้จะน่าดู น่าอ่าน น่าเล่นขนาดไหน แล้วเราพลาดไปหรือไม่ พลาดเรื่องอะไรบ้าง ติดตามกันได้ ณ บัดนี้เลย!!
ONE PUNCH MAN (MADHOUSE)
[starbox id=1]
ที่ประชาชนยังอาศัยกันอยู่ในโลกที่พร้อมจะถูกสัตว์ประหลาดรุกราน หรือคนบ้าพลังลุกขึ้นมาก่อการร้ายตลอดเวลาได้นั้นก็เพราะโลกยังมีกลุ่มคนที่เรียกกันว่า “ฮีโร่” อยู่ พระเอกของเรื่องนี้ “ไซตามะ” ก็เป็นหนึ่งในนั้น ต่างกันนิดหน่อยตรงที่เขาเป็นฮีโร่เพื่อเป็นงานอดิเรกเท่านั้น จึงไม่มีใครรู้จัก ทั้งๆ ที่พลังของเขานั้นสามารถจัดการวายร้ายหน้าไหนในโลกก็ได้ “ด้วยการต่อยเพียงหมัดเดียว!!!”
อนิเมะสุดบ้าคลั่งแห่งปีที่ดัดแปลงมาจากเว็บคอมิกลายเส้นไก่เขี่ยแต่เนื้อเรื่องสุดยอดของ ONE ที่ได้รับการปรับปรุงใหม่ให้ไฉไลกว่าเดิมโดยอ.ยูสุเกะ มุราตะ แห่งอายชีลด์ 21 ซึ่งชาวไทยจะได้อ่านแบบถูกลิขสิทธิ์โดยสำนักพิมพ์เนชั่นกันในช่วงต้นปี 2016 นี้ เป็นนิยามใหม่ของความแข็งแกร่งทั้งปวงแห่งโลกอนิเมะ บากิก็ทำไม่ได้ เคนชิโร่อย่าหวังเลย ที่ไม่ได้มีดีแค่ฉากแอคชันสุดมันส์ แต่ยังเต็มไปด้วยเหล่าตัวละครเพี้ยนๆ ที่พร้อมจะออกมาผลัดกันส่งมอบความฮาในระดับไร้สาระให้แก่คุณผู้ชม ทำให้ทีมงานอนิไทม์ร่วมกันลงคะแนนเสียงเลือกให้เป็นสุดยอดแห่งปีอย่างไม่มีข้อกังขา
อ่านรีวิวเต็มๆ ได้ที่ [REVIEW] One Punch Man : ฮีโร่ธรรมดา
Hibike! Euphonium (Kyoto Animation)
[starbox id=3]
อนิเมะคุณภาพเยี่ยมจาก Kyoto Animation หรือเกียวอนิ ประจำปีนี้ สร้างจากนิยายของ Takeda Ayano ครบเครื่องทั้งเรื่องความสวยงามของภาพ เสียงประกอบสุดไพเราะ และที่สำคัญคือเนื้อเรื่องที่สนุกชวนติดตามของเหล่าสาวๆ ชมรมเครื่องเป่าแห่งโรงเรียนคิตาอุจิ
แม้ว่าดูผ่านๆ จะเหมือนกับอนิเมะสาวน้อยเล่นดนตรีทั่วไป ไม่มีจุดเด่นอะไรมากมายนอกจากภาพสวย แต่ความจริงแล้วการ์ตูนเรื่องนี้กลับซ่อนอะไรเอาไว้มากมาย ทั้งความคิดอ่านของตัวละครแต่ละตัวที่สะท้อนถึงความเป็นมนุษย์ออกมาได้ดีจนน่าเหลือเชื่อ ความสัมพันธ์ของตัวละครภายในเรื่องที่ให้ความรู้สึกสมจริงราวกับเราได้เข้าไปมีส่วนร่วมในเรื่องเหล่านั้นด้วย เป็นความเรียบง่ายจนไม่โดดเด่น แต่ในขณะเดียวกันก็ซับซ้อนจนวางไม่ลง สิ่งเหล่านี้ทำให้ Hibike! Euphonium ไม่ได้เป็นเพียงอนิเมะภาพสวยธรรมดาๆ
ล่าสุดนี้ทาง Kyoto Animation ได้ประกาศออกมาแล้วว่า เรื่องนี้จะถูกสร้างเป็นภาพยนตร์อนิเมะฉายในโรง รวมไปถึงจะมีอนิเมะภาคต่อด้วยเช่นกัน
อ่านรีวิวเต็มๆ ได้ที่ [REVIEW] Hibike! Euphonium : การ์ตูนชมรมดนตรีสดใสเรื่องใหม่จากเกียวอนิ
Arslan Senki ผู้กล้าแห่งอัสลัน (LIDEN FILMS, Sanzigen)
[starbox id=7]
ปีปีหนึ่งผ่านไปไวเหมือนโกหก รู้สึกตัวอีกทีก็จะหมดปี 2015 ซะแล้ว ปีนี้ถ้าพูดถึงอนิเมะที่เราชอบที่สุดก็คงนึกถึง Arslan Senki หรือ ผู้กล้าแห่งอัสลัน เพราะเป็นอนิเมะที่เป็นแนวประวัติศาสตร์ผสมการวางกลยุทธ์ที่ปัจจุบันหาดูได้ยาก แถมเนื้อเรื่องก็ไม่ได้มีบรรยากาศตึงเครียดอยู่ตลอดเวลาด้วย สิ่งที่เพิ่มเสน่ห์ให้กับเรื่องนี้คงหนีไม่พ้นเจ้าชายอัสลัน ซึ่งเรามั่นใจว่าใครได้ดูจะต้องคิดเหมือนเรา “เจ้าชายน่ารักมาก!” แต่ประเด็นไม่ได้อยู่ตรงนั้น (ฮ่าๆ) จริงๆ สิ่งที่เราชอบคือเนื้อเรื่องซึ่งปูออกมาได้ดีมาก เราได้เห็นการเติบโตและความเปลี่ยนแปลงของเจ้าชายอัสลันไปตามเหตุการณ์ต่างๆ ซึ่งมักจะมาพร้อมกับข้อคิดดีๆ เสมอ แน่นอนว่าลายเส้นสวยไม่มีเผา แถมมีมังงะฉบับภาษาไทยซึ่งเป็นของสำนักพิมพ์วิบูลย์กิจ ใครสนใจก็ไปลองหาอ่านกันดูนะ
หลายคนอาจมองว่าอนิเมะเรื่องนี้ดูไม่น่าสนใจเพราะมีเนื้อหาอิงประวัติศาสตร์ บอกเลยว่าคิดผิดสุดๆ มันมีอะไรมากกว่าที่เห็นเยอะ ไม่ว่าจะมุกตลกที่ถูกใส่มาได้อย่างลงตัว ฉากสู้รบกันก็ทำออกมาได้ยอดเยี่ยม อีกทั้งยังได้ความรู้ทางประวัติศาสตร์บวกแนวคิดฉลาดแกมโกงอีกด้วย ดังนั้นอนิเมะเรื่องนี้เราคิดว่าเป็นอีกหนึ่งเรื่องที่ไม่ควรพลาดอย่างยิ่งในปี 2015 นี้
BORUTO โบรุโตะ นารุโตะ เดอะมูฟวี่ ตำนานใหม่สายฟ้าสลาตัน (Pierrot, TOHO)
[starbox id=1]
หนึ่งในปรากฏการณ์แห่งปี 2015 ตำนานบทใหม่ของสุดยอดการ์ตูนนินจาแห่งศตวรรษ เรื่องราวเกิดขึ้นในโลกนินจายุคใหม่หลังสงครามครั้งใหญ่ นารุโตะขึ้นเป็นโฮคาเงะได้สมความตั้งใจตั้งแต่ตอนที่ 1 แต่ความฝันที่เป็นจริงนี้ก็แลกมากับภาระงานอันหนักหนา จนไม่มีเวลาดูแลใส่ใจครอบครัว หรืออบรมสั่งสอนลูกๆ ให้เพียงพอ แม้แต่วันเกิดของลูก นารุโตะยังแค่ส่งร่างแยกเงามาอวยพรเท่านั้น นารุโตะเองก็เติบโตมาโดยไม่มีพ่อแม่ให้ความรัก จึงไม่ค่อยจะเข้าใจความรู้สึกของ “โบรุโตะ” ลูกชายของเขาสักเท่าไหร่ ความเกลียดชังพ่อที่สะสมนี้กลายเป็นชนวนของเรื่องใหญ่ที่จะเกิดขึ้น
โบรุโตะเป็นสิ่งที่ “พลาดไม่ได้” โดยเฉพาะกับคนที่ตามนารุโตะมาตลอดสิบห้าสิบหกปี ตั้งแต่มันเป็น “ไอ้โตะ” เด็กเกรียนคนหนึ่ง จนถึงวันที่มันกลายเป็นโฮคาเงะ มีเมียสวย ลูกอีกสอง ภาคนี้นอกจากจะได้เต็มอิ่มกับเหล่าตัวละครเก่าๆ ที่เราคิดถึงอย่างจริงจัง ได้เจอซาสึเกะซึ่งกลับมาในเวอร์ชันหล่อเต็มสูบ (คนอะไรจะสามารถหล่อได้ขนาดนั้น นายคือ “ไอ้เกะ” คนนั้นจริงๆ เหรอ) แล้ว เรายังจะได้เห็นกระสุนวงจักรที่สวยงามที่สุดในประวัติศาสตร์ของการ์ตูนเรื่องนี้อีกด้วย
นอกจากความสัมพันธ์พ่อลูกสุดประทับใจ โบรุโตะยังตอกย้ำปนิธานของการ์ตูนเรื่องนี้อีกคำรบว่า ไม่ว่าโลกจะเปลี่ยนไปอย่างไร เทคโนโลยีจะก้าวไกลแค่ไหน แต่หัวใจความเป็นนินจาจะไม่เปลี่ยนแปลง
The Boy and The Beast ศิษย์มหัศจรรย์ กับอาจารย์พันธุ์อสูร (Mamoru Hosoda, Studio Chizu)
[starbox id=2]
ภาพยนตร์ทำรายได้สูงสุดเป็นอันดับ 2 ในปี 2015 ที่ประเทศญี่ปุ่น เป็นรองเพียงแค่โยไควอทช์มูฟวี่ (ซึ่งเอาชนะได้แม้กระทั่งสตาร์วอร์ส) The Boy and The Beast หรือชื่อญี่ปุ่น Bakemono no ko (ลูกชายของสัตว์ป่า) เข้าฉายในประเทศญี่ปุ่นตั้งแต่ช่วงกลางเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา ส่วนในบ้านเราพึ่งจะได้ดูกันเมื่อวันที่ 24 ธันวาคม ในชื่อไทยว่า “ศิษย์มหัศจรรย์ กับอาจารย์พันธุ์อสูร”
เด็กชายผู้อ้างว้างโดดเดี่ยวคนหนึ่งหลงทางเข้าไปยังตรอกปริศนาในย่านชิบูย่าซึ่งเชื่อมระหว่างโลกมนุษย์ของเรา กับโลกของเหล่าอสูร (กึ่งคนกึ่งสัตว์ป่า) ที่ชื่อ “จูเทนไง” เขาได้พบกับ “คุมะเท็ตสึ” อันธพาลรูปร่างคล้ายหมีผู้โดดเดี่ยวไม่แพ้กัน มันให้ข้าว ให้น้ำ ให้ที่อยู่อาศัย สอนวิชาการต่อสู้ให้ และตั้งชื่อใหม่ให้เขาว่า “คิวตะ”
ในชีวิตหนึ่งคนเราจะได้พบกับอาจารย์มากมายหลายคน นอกจากคุมะเท็ตสึแล้ว คิวตะจะได้พบกับอาจารย์ที่ผ่านเข้ามาในชีวิตของตัวเองในหลากหลายรูปแบบ เพื่อทำให้ชีวิตของเขาซึ่งเคยอ้างว้าง โดดเดี่ยว เป็นชีวิตที่มีค่าขึ้นมาอีกครั้ง คุมะเท็ตสึเองก็เช่นกัน ผลงานของมาโมรุ โฮโซดะ (Wolf Children, Summer Wars) ผู้เก่งกาจด้านการผสานโลกแห่งแฟนตาซีเข้ากับโลกความเป็นจริงเรื่องนี้บอกเล่าความสัมพันธ์พ่อ-ลูก ศิษย์-อาจารย์ ได้สนุกสนาน น่ารัก แถมยังเป็นผลงานการพากย์เสียงเรื่องแรกของสาวน้อย ฮิโรเสะ ซึสึ (Umimachi Diary, Chihayafuru) อีกด้วย
Kamen Rider Drive (Toei)
[starbox id=5]
คาเมนไรเดอร์ที่ออกอากาศประจำปี 2015 ก็คือคาเมนไรเดอร์ไดรฟ์ (ปลายปี 2014 – ปลายปี 2015) การปรากฏตัวในสื่อนิตยสารครั้งแรกของเขาสร้างความกังขาให้เหล่าแฟนๆ ทั่วโลก ด้วยรูปลักษณ์ที่ค่อนข้างเอาสะดวก มียางรถยนต์เส้นโตพาดผ่านอก และซ้ำร้าย เขายังเป็นคาเมนไรเดอร์ที่สร้างความมัวหมองให้ชื่อ ‘ไรเดอร์’ ด้วยการเป็น ‘ไดรฟ์เวอร์’ ซะนี่… คาเมนไรเดอร์ซีรีส์ที่ตัวไรเดอร์ขับรถยนต์ เชื่อได้เลยว่าหลายคนรู้สึกย้อนแย้งกับคาเมนไรเดอร์คนนี้แน่นอน
ท่ามกลางกระแสแง่ลบในงานดีไซน์ คาเมนไรเดอร์ไดรฟ์กลับมีแก่นเรื่องที่นามธรรมผิดรูปลักษณ์ของหนังโทะกุซะสึที่ฉายในเวลาสำหรับเด็ก เพราะนำเสนอในประเด็น ‘คุณค่าของชีวิต’ มันเป็นการเรียกร้องร้องหาชีวิตของเหล่าสิ่งมีชีวิตจักรกลรอยด์มิว พวกเขาร้องหาชีวิตเหมือนเฉกเช่นมนุษย์พึงมี เรื่องราวของพวกเขาเปรียบเสมือนตัวแทนของคนชายขอบที่ไร้การเหลียวแลจากสังคม ขาดการยอมรับจากสังคมกลุ่มใหญ่ที่คอยกำหนดกฏเกณฑ์ ขีดเส้นแบ่งแยก – กล้าเอาเรื่องพวกนี้มาใส่ในบทหนังที่ฉายในช่วงเวลาสำหรับเด็ก?
คาเมนไรเดอร์ไดรฟ์ถ่ายทอดนามธรรมของ ‘ชีวิต’ ออกมาในหลายแง่มุมและทำได้อย่างน่าสนใจกลบกระแสแง่ลบของงานดีไซน์ได้อย่างสนิท เป็นอีกครั้งที่ทีมสร้างพยายามนำเสนอสิ่งที่เป็นนามธรรมและซับซ้อน ให้ออกมาในรูปแบบที่ซับซ้อนน้อยที่สุดโดยยังคงรักษาคุณค่าของแก่นสาร และสร้างคุณค่าของตนเองได้อย่างงดงาม – นี่คือที่สุดแห่งโทะกุซะสึในปี 2015 อย่างไม่ต้องสงสัย
I’m Home (TV Asahi)
[starbox id=2]
ทาไดมะ! (กลับมาแล้ว) เป็นประโยคทักทายที่ชาวญี่ปุ่นจะพูดทุกครั้งเมื่อกลับบ้าน แต่จะให้พูดประโยคนี้ได้อย่างเต็มปากได้อย่างไร หากบ้านหลังนี้ไม่มีอะไรเลยที่เราคุ้นเคยหรือสามารถพูดได้เต็มปากว่าเป็น “บ้านของเรา” แม้แต่ภรรยาและลูก ซึ่งกลายเป็นคนแปลกหน้า (และหน้าแปลก) สำหรับเราโดยสิ้นเชิงไปแล้ว
ละครซึ่งดัดแปลงมาจากหนังสือการ์ตูนสุดเวียร์ดชื่อเดียวกันนี้ทำเรตติ้งสูงสุดในฤดูใบไม้ผลิ ว่าด้วย ‘อิเอจิ ฮิซาชิ’ (คิมุระ ทาคุยะ) หนุ่มอนาคตไกลซึ่งประสบอุบัติเหตุเข้าโรงพยาบาล เขาฟื้นขึ้นมาพร้อมกับกุญแจ 10 ดอก และพบว่าความทรงจำบางส่วนของตัวเองหายไป เขาจำบ้านเก่า อดีตภรรยาและลูกสาว รวมถึงคนอื่นๆ ได้ แต่กลับจำภรรยาคนปัจจุบัน (อุเอโตะ อายะ) ลูกชาย รวมไปถึงตัวเองในอดีตว่าเคยเป็นอย่างไรไม่ได้เลย และสิ่งที่เวียร์ดที่สุดก็คือ… เขามองเห็นภรรยาและลูกสวมหน้ากากใบหน้ายิ้มสีขาวอยู่ตลอดเวลา
ลูกกุญแจแต่ละดอกค่อยๆ พาอิเอจิไปค้นพบตัวเองในอดีต และไขปริศนาที่เกิดกับตัวเขาทีละเล็ก ทีละน้อย ยิ่งไข ทั้งอิเอจิและคนดูอย่างเราก็จะยิ่งค้นพบเนื้อแท้ของคำว่าความรัก ครอบครัว บ้าน สามี ภรรยา พ่อ แม่ ลูก ฯลฯ ซึ่งซ่อนอยู่ภายใต้หน้ากากอันลวงหลอกนั้น นอกจากจะนำเสนอภาพสถาบันครอบครัวในปัจจุบันออกมาได้เวียร์ดสุดๆ แล้ว ความเป็นโรแมนติก ดราม่า อบอุ่นหัวใจในละครเรื่องนี้ก็มีมากมายไม่แพ้กัน
ฝั่งมังงะเอง ปีนี้น่าจะเรียกได้ว่าเป็นปีแห่งการก่อกำเนิดของเว็บคอมิกในไทยเลยก็ว่าได้ เพราะมีสนพ.การ์ตูนออนไลน์เปิดตัวใหม่หลายเจ้า ส่วนเจ้าที่เกิดก่อนในปีที่แล้วก็มีเติบโตขึ้น มีซีรีส์ที่น่าติดตามมากมายจนการ์ตูนมือถือเริ่มมีพื้นที่มากขึ้นในใจของผู้อ่านทุกคน และนี่คือเรื่องที่เราคิดว่าเป็นที่สุดแห่งปีจริงๆ
เมจิคัลเกิน นันทพร (TOMA, Minimore Original)
[starbox id=6]
ท่ามกลางการ์ตูนสารพัดเรื่องจากสนพ.สารพัดค่าย มีเด็กสาวคนหนึ่งเติบโตขึ้นมา ‘นันทพร’ เด็กสาวม.ปลายผู้สันโดษจับพลัดจับผลูมาพบกับ ‘บาบาร่า’ สิ่งมีชีวิตต่างดาวหน้าตาเหมือนตัวคาปิบาร่าที่พูดได้และมีปานรูปหัวใจแสนเซ็กซี่ที่บั้นท้าย เธอถูกไหว้วานให้กอบกู้ดาวของบาบาร่าที่ถูกมารร้ายรุกราน และกลายเป็น ‘เมจิคัลเกิน’ ผู้มีชีวิตที่เต็มไปด้วยความปั่นป่วนวุ่นวายไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป
ความโดดเด่นของเรื่องนี้ก็คือความ ‘เกิน’ สมชื่อ นั่นคือพล็อตเรื่องที่เกินจินตนาการที่มนุษย์ธรรมดาจะคิดได้ ไม่เพียงเท่านั้น TOMA (ผู้วาดการ์ตูนออริขายกี่ทีก็หมด Notice Me, Senpai) ยังได้สร้างคาแร็คเตอร์อย่างนันทพรซึ่งมีมิติของความรู้สึกของมนุษย์อันลึกซึ้ง ถึงแม้เธอจะเป็นคนตบมุกของบาบาร่าตลอด แต่แผลใจจากการถูกเพื่อนสนิทหลอกในอดีตทำให้เธอได้เพียงแง้มเปิดหัวใจรับเพื่อนใหม่อย่างกล้าๆ กลัวๆ (ถ้าอ่านแบบอินๆ คุณจะรู้สึกเหมือนนันทพรมีความคิดอะไรอยู่ในหัวตลอดเวลา) กลายเป็นการ์ตูนที่ผสมความติงต๊องบ๊องบวมกับดราม่าได้ลงตัวอย่างเหลือเชื่อ การันตีคุณภาพด้วยฟีดแบ็กอันบริสุทธิ์ผุดผ่องของนันทพรที่แม้แต่นักอ่านนักวิจารณ์ระดับฮาร์ดคอร์อย่างชาวโม่งก็ไม่เคยติเตียน หากแต่หลงรักและเอาใจช่วยเธอเสียด้วยซ้ำ ด้วยเหตุนี้เอง เราจึงขอยกย่องให้นันทพรเป็นเทพีแห่งเว็บคอมิกแห่งปีนี้ และเป็นไปเรื่อยๆ จนกว่าจะมีใครมาทัดเทียมเธอได้
นอกจากการ์ตูนที่เป็นหัวใจหลักของอนิไทม์แล้ว เนื้อหาเรื่องเกมเราก็มีมากมายเช่นเดียวกัน และในวันนี้ สองนักเขียนทางฝั่งเกมก็คัดเลือกเกมที่พวกเขาคิดว่าเป็นที่สุดแห่งปีนี้มาฝาก ไปดูกันเลย
Undertale (Toby Fox)
[starbox id=8]
เกมเป็นสื่อที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวอย่างนึงคือการตอบสนองต่อผู้เสพสื่่อได้ โดยเฉพาะเกมประเภท RPG ที่จะมีทางเลือกให้เราหลากหลาย สร้างตัวละคร เมื่อไม่กี่วันก่อนผมได้เล่นเกม Undertale เกม RPG โดย tobyfox ซึ่งพอได้เล่นไปประมาณ 10 นาที ผมก็รู้เลยว่านี่เป็นเกม RPG ที่ดีที่สุดเกมนึงของปีนี้
สิ่งที่เป็นจุดที่เด่นและกลายเป็นจุดที่ทำให้เกมนี้เปลี่ยนจากเกม RPG ธรรมดาทั่วไปกลายเป็นเกมที่ผู้คนพูดถึงคือระบบการต่อสู้ที่เป็นเอกลักษณ์มาก การต่อสู้ที่มีระบบหลบการโจมตีแบบเดียวเกมยิงยาน หรืออีกอันที่เจ๋งมากคือการเลือกที่จะ “ไม่สู้” มอนสเตอร์แต่ละตัวมีปัญหาหรือมีนิสัยที่เราสามารถนำมาจบการต่อสู้ได้โดยไม่ต้องทำร้ายอีกฝ่ายเลย
เนื้อเรื่องและตัวละครของเกมนี้ทำออกมาได้ดีมาก ตัวละครทุกตัวมีเอกลักษณ์ จำง่าย และมีมิติมากกว่าบางเกมใหญ่ๆ เสียอีก ที่สำคัญที่สุด เกมนี้รับรู้ถึงตัวตนของคุณ ตัวของคุณที่นั่งอยุ่หน้าคอมนี่แหละ
เมื่อนำการเขียนบทที่ดี การเขียนโปรแกรมที่กล้า และระบบการต่อสู้ที่แปลก ทำให้นี่ไม่ใช่แค่เกมธรรมดา แต่เป็นการเดินทางที่ผมคงจำไปอีกนาน
Until Dawn (Super Massive Game, Sony Computer)
[starbox id=4]
ไม่พูดถึงไม่ได้กับเกมแนว Interactive Drama ที่ดังเปรี้ยงเป็นกระแสตั้งแต่วันวางขาย จนเกมแคสเตอร์คนไหนไม่หยิบมาเล่นถือว่าตกเทรนด์อย่าง Until Dawn เกมซึ่งว่าด้วยกลุ่มวัยรุ่น 8 คน มาร่วมกันรำลึกถึงอดีตที่ไม่ค่อยน่าจดจำเท่าไหร่ของพวกตัวเอง ในบ้านพักตากอากาศกลางป่าที่ปกคลุมไปด้วยหิมะ ก่อนจะพบกับเหตุการณ์ประหลาด และต้องหนีเอาตัวรอดจากฆาตกรโหดให้ได้จนกว่าจะถึงรุ่งเช้า
เกมนี้มีเนื้อหาและวิธีเล่นที่เรียบง่าย แต่สร้างความสยองขวัญและความบีบคั้นให้กับผู้เล่นได้อย่างขนลุก รูปแบบเกมจะเป็นแนวตัวเลือกที่ให้ผู้เล่นสลับควบคุมตัวละครทั้ง 8 และให้ทำการตัดสินใจเลือกทำหรือไม่ทำอะไรสักอย่างภายในเวลาที่กำหนด ซึ่งแต่ละตัวเลือกก็จะส่งผลทำให้เนื้อเรื่องเปลี่ยนไปได้หลากหลายรูปแบบ ทำให้อารมณ์ในการเล่นไม่เพียงเหมือนกับดูหนังสยองขวัญเรื่องหนึ่ง แต่เหมือนเราเป็นตัวละครนั้นจริงๆ การันตีด้วยรางวัลสุดยอดเกมสยองขวัญแห่งปีจากเวที Global Game Award นี่จึงเป็นเกมที่คุณจะพลาดไม่ได้อย่างเด็ดขาด
อ่านรีวิวเต็มๆ ได้ที่ [REVIEW] Until Dawn : เพราะทุกตัวเลือกส่งผลถึงชีวิต
ปีใหม่นี้ใครยังไม่มีที่ไป และไม่รู้จะทำอะไร หวังว่าลิสต์ด้านบนนี้จะช่วยทำให้ช่วงหยุดยาวของคุณสนุกสนานมากขึ้น ขอบคุณสำหรับการติดตามเราตลอดปีนี้ ในปีหน้าอนิไทม์ก็ยังคงจะนำเสนอเนื้อหาสาระดีๆ เกี่ยวกับการ์ตูนทุกรูปแบบ ทั้งในและและนอกประเทศ ให้กับผู้อ่านต่อไป ขอฝากตัวอีกครั้งและตลอดไปค่ะ รักคนอ่าน ♥