สำหรับใครบางคน การเปิดเทอมครั้งนี้อาจไม่ใช่การกลับสู่ชีวิตแบบเดิม หากแต่เป็นการเดินทางสู่เส้นทางสายใหม่ก็ได้ ใช่แล้ว คนที่กำลังขึ้นม.ต้นหรือม.ปลายนั่นไง ที่ต้องเลือกโรงเรียนใหม่หรือไม่ก็เลือกสายการเรียนให้ตรงกับความชอบและความใฝ่ฝันของตนเอง จริงอยู่ว่าการเรียนสายสามัญเป็นทางเลือกของคนมากมายและช่วยให้พวกเราที่ยังค้นหาตัวเองไม่เจอมีพื้นฐานต่อยอดสู่ความฝันของตัวเองเมื่อรู้ว่าอะไรคือสิ่งที่ใช่สำหรับตัวเองแล้ว
แต่ถ้าใครมั่นใจแล้วว่าชีวิตเราเกิดมาเพื่อทำอะไรก็อย่าลืมว่าเรายังมีโรงเรียนอีกประเภทที่บ้านเราเรียกว่า “สายอาชีพ” ซึ่งเปิดทางให้เรากระโจนสู่สิ่งที่เรารักและฝึกฝนตัวเองให้เป็นยอดฝีมือก่อนใคร ว่าแล้วเราก็ไปดูกันเถอะว่าในการ์ตูนทั้งหลายเขามีโรงเรียน “เฉพาะทาง” อะไรกันบ้าง เผื่อเจอที่ถูกใจจะได้สมัครเข้าเป็นศิษย์กันเลย~
โรงเรียนนักสืบดัน (D.D.S)
ก่อตั้ง: ราว ๆ 40 ปีก่อน
ผู้อำนวยการ: ดัน โมริฮิโกะ (นักสืบเอกชนคนเดียวในญี่ปุ่นที่ได้รับอนุญาตให้พกอาวุธปืนและจับกุมคนร้าย)
เส้นทางชีวิตหลังเรียนจบ: นักสืบเอกชน, ตำรวจ, ทำงานใน DDS
โรงเรียนนักสืบดัน จากเรื่องโรงเรียนนักสืบคิว (เซย์มารุ อามากิ + ฟุมิยะ ซาโต้, วิบูลย์กิจ) สถาบันที่ก่อตั้งโดย ดัน โมริฮิโกะ ยอดนักสืบเลื่องชื่อที่คลี่คลายคดีสำคัญมาแล้วอย่างโชกโชน และยังเป็นนักสืบเอกชนคนเดียวในญี่ปุ่นที่มีอำนาจจับกุมและใช้อาวุธปืนได้ ที่นี่มีลักษณะคล้ายโรงเรียนกวดวิชา มีนักเรียนต่างอายุ ต่างระดับการศึกษา แต่วัดกันด้วยความสามารถ ฉะนั้นต่อให้เป็นนักศึกษาจากมหาลัยชั้นนำก็มีโอกาสเป็นรองเด็กประถมก็ได้
ที่นี่มีการเรียนการสอนทุกศาตร์ที่นักสืบจำเป็นต้องใช้ ไม่ว่าจะเป็นนิติวิทยาศาสตร์ การปลอมตัว การสะกดรอย การสังเกต การไขคดีจำลอง และการออกไปไขคดีในที่เกิดเหตุจริง
นักเรียนที่ต้องโรงเรียนนี้ต้องแข่งขันกับตัวเองและคนอื่นอยู่เสมอ เพราะผลการเรียนมีผลให้พวกเราเลื่อนไปอยู่ห้องที่ระดับสูงขึ้นหรือลดไปอยู่ห้องต่ำลง นอกจากนี้ยังมีห้องเรียนพิเศษคือห้อง Q (Quelified) ที่มีแต่นักเรียนที่ผ่านบททดสอบสุดโหดเท่านั้นที่มีสิทธิ์เรียนกับดัน โมริฮิโกะ ตัวเป็น ๆ
นักเรียนของโรงเรียนนักสืบดันจะได้รับสมุดโน้ตและเข็มกลัด DDS ซึ่งเป็นตราสัญลักษณ์ของโรงเรียนที่ตำรวจเคารพยำเกรง หากแสดงตรานี้ก็จะได้รับอนุญาตให้เข้าไปยังสถานที่เกิดเหตุ ตรวจสอบหลักฐาน และได้รับความช่วยเหลือจากตำรวจในการสืบสวนคดี
“สำหรับเด็กอัจฉริยะ IQ180 จากโทไดอย่างฉันก็บอกเลยว่าการเรียนที่นี่มันแค่เรื่องจิ๊บจ๊อย คดีต่าง ๆ เพียงผ่านเข้ามาในสายตาของซาบุโร่มารุผู้นี้ก็จะถูกคลี่คลายอย่างง่ายดาย”
ยูทากะ ซาบุโร่มารุ
สถาบันสอนทำอาหารโทสึคิซะเรียว
สถานที่ตั้ง: โตเกียว
พื้นที่: ไม่ทราบแน่ชัด แต่ที่แน่ ๆ คือกินพื้นที่เท่าภูเขา 7 ลูก
วิสัยทัศน์: 99% ของนักเรียนเป็นเพียงหินเจียระไนที่ขัดเพชร 1% ที่เหลือให้เงางาม
เส้นทางชีวิตหลังเรียนจบ: เป็นพ่อครัวระดับโลก, กลับบ้านนอก, สืบทอดร้านอาหารเล็ก ๆ ของพ่อ
โรงเรียนสอนทำอาหารโทสึคิซะเรียว จากเรื่องยอดนักปรุงโซมะ (ยูโตะ สึกุดะ + ชุน ซาเอกิ, SIC) เป็นโรงเรียนสอนทำอาหารนานาชาติซึ่งตั้งอยู่ในโตเกียว ขุนนักเรียนให้เป็นยอดนักปรุงอาหารด้วยหลักสูตรอันเข้มงวดจนเหลือผู้ที่สำเร็จการศึกษาปีที่ 3 เพียง 1% ของจำนวนนักเรียนที่มีตอนแรกเท่านั้น
โรงเรียนแห่งนี้เป็นโรงเรียนม.ปลายที่รับนักเรียนจากโรงเรียนม.ต้นโทสึคิซึ่งอยู่ในเครือเดียวกันเป็นส่วนใหญ่ แต่ก็มีส่วนหนึ่งที่เป็นนักเรียนจากภายนอกสมัครเข้ามาด้วย ในแต่ละปีจะมีนักเรียนใหม่ 1,000 คน พอขึ้นปีสองจะเหลือ 100 คน และที่เหลือรอดถึงปี 3 ไม่ถึง 10 คน จึงไม่น่าแปลกใจที่นักเรียนที่ผ่านการฝึกปรือมาจากทรหดจะถูกช่วงชิงซื้อตัวให้เป็นเชฟของภัตาคารระดับโลกทันทีที่จบการศึกษา หรือไม่นักเรียนเหล่านั้นก็จะกลายเป็นเจ้าของภัตตาคารเลื่องชื่อเสียเอง
การเรียนการสอนของที่นี่ประกอบด้วยกิจกรรมและหลักสูตรความรู้รอบด้าน ทั้งการปรุงอาหารสารพัดประเภท ฟู้ดไซน์ โภชนาการ และงานครัวสารพัด ส่วนการตัดเกรดจะตัดสินจากฝีมือการทำอาหารที่นักเรียนทำ โดยมีผู้ชิมและให้คะแนนเป็นพ่อครัวระดับโลกไม่ก็ศิษย์เก่า ถ้าพลาดไม่ผ่านแม้แต่รอบเดียวเรียกได้ว่าอนาคตในรอบครั้วโทสึคิดับมืดไปเลย ควรลาออกดีกว่า นอกจากนี้ ที่นี่ยังมีกิจกรรมเลื่องชื่อคือการประลองทำอาหารที่เรียกว่า “โชคุเกคิ” ซึ่งนักเรียนท้าแข่งกันได้โดยอิสระและตกลงเดิมพันด้วยของสำคัญของตนเอง การประลองนี้สามารถเดิมพันกระทั่งการสั่งยุบชมรมของอีกฝ่ายหรือชิงตำแหน่งอันทรงอิทธิพลจากสภานักเรียนก็ยังได้
“ห่วยแตก! บทสัมภาษณ์ที่เหมือนกันกอริลล่าหนึ่งรอยสิบสองตัวบินโฉบไปมาระหว่างที่กำลังเงยหน้าดูนกบนท้องฟ้าอย่างเพลิดเพลินนี่มันอะไรกันยะ!”
- นาคิริ เอรินะ
ยังมีเรื่องราวน่าสนใจเกี่ยวกับยอดนักปรุงโซมะอีกมากมาย ใน
[SCOOP] ยอดนักปรุงโซมะ: มิติใหม่ของวงการอาหาร สู่การ์ตูนทำอาหารแห่งยุค
อ่านได้ที่ http://bit.ly/1EnOGOw
โรงเรียนการเกษตรโอเอโสะ
สถานที่ตั้ง: ฮอกไกโด
พื้นที่: ไม่ทราบแน่ชัด แต่เมื่อรวมพื้นที่การเกษตรและป่าไม้ทั้งหมดจะถือเป็นโรงเรียนที่ใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่น
เส้นทางชีวิตหลังเรียนจบ: รับช่วงต่อกิจการที่บ้าน, เรียนต่อ, ยังไม่รู้
โรงเรียนการเกษตรโอเอโสะ หรือชื่อเล่น เอโสะโน เป็นโรงเรียนจากเรื่อง ซิลเวอร์สปูน (อาราคาวะ ฮิโรมุ, SIC) โรงเรียนตั้งอยู่ท่ามกลางสภาพแวดล้อมของการทำเรือกสวนไร่นา มีพื้นที่สำหรับปลูกพืชผลมากมาย รวมถึงพื้นที่สำหรับทำปศุสัตว์อันกว้างขวาง ชนิดแทบจะเรียกได้ว่าโรงเรียนต้นแบบของเกษตรกรรมทีเดียว
ภายในโรงเรียน นักเรียนจะถูกแบ่งไปตามภาควิชาต่าง ๆ ประกอบด้วยภาควิชาเกษตรกรรม, ภาควิชาโคนม, ภาควิชาวิทยาศาสตร์โภชนาการ, ภาควิชาวิศวกรรมการเกษตร และภาควิชาป่าไม้ โดยนักเรียนจะต้องเลือกภาควิชาตั้งแต่ตอนสอบเข้า ซึ่งมีทั้งการสอบเข้าแบบปกติที่ใช้ข้อสอบวิชาสามัญทั่วไป กับการใช้โควตาสอบเข้า โดยผู้ที่ที่บ้านมีกิจการเกี่ยวกับการเกษตรก็จะได้รับการพิจารณาตามภาควิชาที่เกี่ยวข้องนั่นเอง
เนื้อหาการเรียนการสอนภายในโรงเรียนนั้น แม้แต่ในวิชาทั่วไปอย่างคณิตศาสตร์และภาษาอังฤษก็จะถูกเชื่อมโยงเข้ากับความรู้ด้านการเกษตรทั้งนั้น อีกทั้งยังมีการเรียนภาคปฏิบัติของแต่ละภาควิชาด้วย นอกจากนี้ นักเรียนปีหนึ่งทุกคนจะถูกบังคับให้เข้ากิจกรรมชมรมอย่างน้อยหนึ่งชมรม ซึ่งแทบทั้งหมดในโรงเรียนเป็นชมรมกีฬาทั้งนั้น
“ข้าวคลุกไข่ดิบ ไก่ย่าง ยากิโซบะ เบค่อน พิซซ่า…
ที่นี่อะไร ๆ ก็ดูเหมือนจะกินได้ไปซะทั้งหมดแหละ”ทาโร่ เบ็ปปุ
โรงเรียนเซย์นากิ
สถานที่ตั้ง: ภูเขาเซย์นางิ (ในอดีตถูกเรียกว่าภูเขาวิญญาณ และเคยเป็นที่ตั้งศาลเจ้าหลังใหญ่)
สิ่งอำนวยความสะดวก: คาถากำบังในห้องแต่งตัวหญิง ป้องกันการถ้ำมอง
เส้นทางชีวิตหลังเรียนจบ: ใช้ชีวตแบบคนปกติ, ศึกษาต่อด้านเวทย์มนตร์และใช้เวทย์มนตร์บริการสังคมอย่างลับ ๆ
โรงเรียนมัธยมปลายเซย์นางิ จาก Mx0 (คาโน่ ยาสึฮิโระ, NED) คือโรงเรียนที่ตั้งอยู่ในเขตพื้นที่พิเศษที่มีพลังวิญญาณสูง ทำให้พื้นที่ภายในโรงเรียนสามารถใช้เวทย์มนตร์ได้ นอกจากจะมีการเรียนการสอนในวิชาปกติของชั้นมัธยมปลายแล้ว ยังมีวิชาที่เกี่ยวกับเวทมนตร์เพิ่มขึ้นมาอีกด้วย ซึ่งในการสอบแต่ละครั้งจะมีการสอบเวทย์มนตร์ภาคปฏิบัติเพื่อประเมินความสามารถของนักเรียน ถ้าใครทำได้ไม่ถึงเกณฑ์ก็มีสิทธิ์โดนไล่ออกจากโรงเรียนไปเลย
การสอบเข้าในโรงเรียนนี้มีทั้งการสอบข้อเขียนที่วัดความรู้ทั่วไปและการสอบสัมภาษณ์ ซึ่งจะแฝงการทดสอบความสามารถด้านเวทย์มนตร์อยู่ด้วย ดังนั้นถึงจะทำข้อเขียนได้ดีแค่ไหนแต่คุณสมบัติด้านเวทย์มนตร์ไม่ผ่านก็สอบไม่ติด และถ้าโดนไล่ออกจากโรงเรียนกลางคันหรือเรียนจบแล้ว ความทรงจำและความสามารถด้านเวทย์มนตร์ก็จะถูกลบทั้งหมดด้วย
จุดมุ่งหมายสูงสุดก่อนเรียนจบของนักเรียนหลายคนคือการขอพรข้อสุดท้ายด้วยเวทย์มนตร์ของตนเองก่อนที่จะถูกลบไป ว่ากันว่าช่วงนั้นพลังเวทจะสูงกว่าปกติหลายเท่าตัว ซึ่งทำให้เรื่องบางอย่างที่ไม่น่าเป็นไปได้ หรือปาฏิหาริย์อันน่าเหลือเชื่อกลายเป็นจริงได้ ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ขึ้นอยู่กับพลังเวทของนักเรียนคนนั้นเอื้ออยู่แล้วรึเปล่าด้วย
นักเรียนและอาจารย์ภายนโรงเรียนสามารถใช้เวทมนตร์จากเพลทของตนเอง ซึ่งแบ่งไปตามระดับความสามารถของแต่ละคน โดยปกติเวทมนตร์มนตร์จะถูกห้ามนำมาใช้เล่นกันเอง แต่ถ้าเป็นในชั่วโมงเรียนก็จะใช้ได้ และถ้านักเรียนคนไหนมีความสามารถด้านเวทมนตร์สูงตอนอยู่ชั้นปีสุดท้ายก็จะได้รับข้อเสนอจากทางโรงเรียนให้คงความสามารถไว้ได้ต่อไปโดยแลกกับการทำงานอยู่เบื้องหลังเกี่ยวกับเวทย์มนตร์อีกด้วย
สัมภาษณ์ศิษย์ปัจจุบัน
“ข้อดีของโรงเรียนนี้เหรอ? อืม นั่นไง โทคิตะห้องปี ไม่สิ ซากุราบะห้องเอฟก็ได้ มิคุนิห้องเอด้วย ไหนจะ……หน้าอกเนี่ยมันดีจริง ๆ นะ”
อิเสะ คาโอรุ
วิทยาลัยอินฟินิทสตราโตส
สถานที่ตั้ง: บนเกาะที่ห่างไกลของญี่ปุ่น
การเดินทาง: มีทางเดียวคือโดยสารรถไฟโมโนเรลจากแผ่นดินใหญ่
เส้นทางชีวิตหลังเรียนจบ: ขับไอเอส
วิทยาลัยอินฟินิทสตราโตส หรือ ไอเอส (ปฏิบัติการรักจักรกลทะยานฟ้า, อิซึรุ ยูมิซึรุ, รักพิมพ์) เป็นโรเรียนฝึกสอนการขับขี่เครื่องบินอินฟินิทสตราโตส หรือเครื่องไอเอส เพาเวอร์สูท ซึงพัฒนาโดยญ่ปุ่น หากใครสวมใส่แล้วผู้นั้นจะมีความสามารถในการต่อสู้ในระดับสูง แต่ด้วยสนธิสัญญาอลาสก้ามันจึงไม่สามารถใช้ทำสงครามได้ อินฟินิทสตราโตสจึงถูกใช้ในการแข่งขันแทน
ข้อจำกัดของไอเอสคือมีเพียงผู้หญิงเท่านั้นที่จะขับเคลื่อนมันได้ ทำให้วิทยาลัยแห่งนี้เป็นโรงเรียนหญิงล้วน จนกระทั่งมีผู้ชายคนนึงที่ทะลึ่งขับมันได้ นั่นก็คือโอริมุระ อิจิกะ ผู้กลายเป็นผู้ชายคนเดียวบนโลกที่ขับไอเอได้
ที่นี่เป็นโรงเรียนประจำที่มีนักเรียนจากหลายชาติอาศัยอยู่ร่วมกัน การสอบเข้าวิทยาลัยไอเอสนอกจากจะต้องสอบวิชาปกติแล้วยังต้องทดสอบความสามารถในการขับเคลื่อนเครื่องไอเอสในทุกกระบวนท่าไม้เว้นแม้กระทั่งขับเพื่อต่อสู้กับอาจารย์คุมสอบ ถ้าชนะอาจารย์ได้ก็จะได้รับการพิจารณาเป็นพิเศษ (แต่แพ้ก็ไม่ได้หมายความว่าจะสอบตก)
ส่วนการเรียนการสอนมีทั้งภาคทฤษฎีเกี่ยวกับเครื่องไอเอส ซึ่งเป็นเนื้อหาด้านวิศวกรรมซะมาก ส่วนวิชาปฏิบัติจะเป็นการฝึกขับเครื่องไอเอสทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นการบิน การใช้อาวุธ การหลบหลีก จนถึงการทำสงครามจำลอง แต่ก็ไม่ได้หมายความว่านักเรียนที่นี่จะต้องกินนอนกับไอเอสตลอดวันตลอดคืน เพราะชมรมที่ปกติมนุษย์ก็มีเหมือนกัน เช่น ชมรมเคนโด้ ชมรมทำอาหาร ชมรมชงชา เป็นต้น
“ไอ๊ย้าาาา ถามอะไรแบบนี้คะ นี่แค่ชั้นมาตอบคำถามให้ก็น่าจะรู้สึกเป็นเกียรติแล้วนะคะ หัดสรรหาคำถามที่มันดูดีกว่านี้ไม่ได้หรือยังไงกันคะ แอดมินเว็บนี้ยังมีสามัญสำนึกอยู่มั้ยคะ!? #*@$*&”
เซซิเลีย อัลคอตต์
หน่วยฝึกทหาร กองกำลังต่อต้านไททัน
อาคารเรียน: กระท่อมไม้กลางสองสามหลัง ที่เหลือเรียนกลางแจ้ง
หัวหน้าครูฝึก: เคธ ชาดิส
จุดมุ่งหมาย: โลกที่มนุษย์อยู่ร่วมกันได้อย่างสงบสุข
เส้นทางชีวิตหลังเรียนจบ: สารวัตรตำรวจ, กองกำลังรักษาการ, หน่วยสำรวจ, อาหารไททัน, ไททัน
เพื่อความอยู่รอดของมวลมนุษย์ที่กำลังจะสูญพันธุ์เพราะถูกไททันไล่ล่าเป็นอาหาร เหล่ามนุษย์จึงต้องมีกองกำลังเพื่อต่อกรกับพวกมัน โรงเรียนฝึกทหารแห่งนี้จึงถึงได้ถือกำเนิดขึ้นมาในเรื่องผ่าพิภพไททัน (อิซายามะ ฮาจิเมะ, วิบูลย์กิจ) และดึงดูดหนุ่มสาวที่เด็ดเดี่ยวพอที่จะเข้าฝึกเป็นทหารได้จำนวนไม่น้อยในแต่ละปี
การจะสู้กับไททันซึ่งมีขนาดใหญ่กว่ามนุษย์มากนั้นจำเป็นต้องผ่านการฝึกสอนอย่างทรหดเป็นที่สุด จะต้องพบกับการฝึกวินัยทหารโดยครูฝึกสุดเหี้ยม การฝึกเดินกลางอากาศซึ่งเป็นพื้นฐานของการใช้อุปกรณ์เคลื่อนย้ายสามมิติ การฝึกแปรขบวนรบ จนถึงการฝึกกระโดดสูงเพื่อให้ฟันถึงต้นคอซึ่งเป็นจุดอ่อนของไททันในสถานการณ์จำลอง
เมื่อเหล่านักเรียนผ่านเกณฑ์ตามที่กองทัพกำหนดแล้วก็จะมีสิทธิ์เลือกว่าจะสังกัดหน่วยไหน ถ้าเป็นกองกำลังรักษาการก็จะทำหน้าที่ปกป้องกำแพงจากการรุกรานของไททันด้วยอาวุธหนักและซ่อมแซมกำลังที่เสียหาย หรือถ้าชอบออกสู่โลกกว้างก็มีหน่วยสำรวจที่ออกไปค้นหาผู้ที่ยังมีชีวิตรอดอยู่นอกกำลังและหาทางยึดแผ่นดินคืนจากไททัน และมีกองสารวัตรตำรวจซึ่งขึ้นตรงกับพระราชา หน่วยนี้มีหน้าที่รักษาความสงบเรียบร้อยของประชาชนภายในกำแพง
“มันฝรั่งต้มของโรงอาหารที่นี่มันอร่อยสุดยอดไปเลยล่ะค่ะ!!!”
ซาช่า เบราส์
ห้อง E โรงเรียนมัธยมต้นคุนุกิกาโอกะ
สถานที่ตั้ง: กระท่อมไม้เก่าบนภูเขาหลังโรงเรียน
พื้นที่: อยู่ได้เฉพาะเขตของห้อง E เท่านั้น ถ้าไปอยู่แถวอาคารเรียนหลักจะถูกเหยียดหยามทันที แต่ปกติก็ใช้ภูเขาทั้งลูกเป็นสถานที่ฝึก
เส้นทางชีวิตหลังเรียนจบ: นักเรียนม.ปลายธรรมดา, นักฆ่า
มองเผิน ๆ ที่นี่คือโรงเรียนม.ต้นทั่วไป แต่ถ้าคุณเดินเลยอาคารเรียนหลักไปพบกับอาคารไม้หลังเดี่ยวที่สภาพสุดโทรมล่ะก็คุณต้องเปลี่ยนใจแน่ ๆ เพราะที่นี่คือ “ห้องเรียนนักฆ่า” (Assasiation Classroom, ยูเซอิ มัตซุย, SIC) ของชั้น “3-E” ซึ่งเดิมถูกกำหนดให้เป็นห้องเรียนชั้นต่ำให้ห้องอื่น ๆ เขาเหยียบย่ำให้ตนเองสูงขึ้น แต่ตอนนี้ 3-E ไม่ใช่แบบนั้นแล้ว เพราะนักเรียนได้รับมอบหมายภารกิจสำคัญที่ส่งผลต่อระดับมนุษยชาติ นั่นคือกำจัดมนุษย์ต่างดาวที่ทำลายดวงจันทร์ไปแล้วเกือบทั้งดวง
การเรียนในแต่ละวันของห้องนี้ นักเรียนจะต้องเรียนวิชาสามัญซึ่งสอนโดยมนุษย์ต่างดาวตัวที่ว่าซึ่งดันมาเป็นอาจารย์ประจำชั้นซะได้ ส่วนวิชาพละก็ต้องฝึกฝนทักษะวิชาในการ “สังหาร” มนุษย์ต่างดาวตัวที่ว่านั่นแหละ นักเรียนจะต้องฝึกการใช้อาวุธสารพัดรูปแบบ เทคนิคการลอบฆ่าสารพัดวิธี รวมถึงการฝึกร่างกายให้คล่องแคล่วและแข็งแรงพอที่จะปฏิบัติภารกิจนี้อย่างราบรื่น โดยมีอาจารย์ผู้ฝึกสอนเป็นทหารยอดฝีมือจากกองทัพและนักฆ่าสาวสุดเซ็กซี่ หากฆ่าสำเร็จก็จะมีเงินรางวัลถึง 10,000 ล้านเยน แต่นั่นก็เดิมพันกับสิ่งที่ประเมินค่าไม่ได้ นั่นคืออนาคตของโลกที่อาจถูกทำลายล้างไปครึ่งหนึ่งหากภารกิจไม่สำเร็จภายใน 1 ปีนั่นเอง
แต่ถึงจะมีภารกิจยิ่งใหญ่ค้ำคอขนาดนี้ การเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของห้อง 3-E นั้นกลับง่ายเหลือเชื่อ เพียงแค่คุณทำตัวกักขฬะให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ จะทำนิสัยเลวทรามหรือรักษาผลการเรียนให้ตกต่ำที่สุดในห้องเดิมก็ได้ แต่วิธีที่เร็วที่สุดคือการไปกระตุกหนวดเสือของผู้อำนวยการด้วยการเขวี้ยงถ้วยรางวัลใบโปรดของเขาให้แตกเป็นเสี่ยง ๆ คาพื้น พริบตาเดียวเดี๋ยวก็ถูกเขี่ยมาอยู่ห้อง 3-E เอง
สัมภาษณ์ศิษย์ปัจจุบัน
“เจ้ยยยยย ผมไม่ใช่นักเรียนนะคร้าบ ผมเป็นอาจารย์นะครับ อย่างน้อยช่วยมองผมเป็นอาจารย์หน่อยเถอะ ขอร้องล่ะ”
อาจารย์โคโระ
คิดไปคิดมา ถ้าชีวิตจะวุ่นวายขนาดนี้ ขออยู่โรงเรียนธรรมดา ๆ ดีกว่า…ว่าไหม?