Toaru Majutsu no Index หรือ อินเดกซ์ คัมภีร์คาถาต้องห้าม เป็นอนิเมะที่มีเนื้อหาเกี่ยวกับวิทยาศาสตร์และเวทมนตร์โดยศูนย์กลางของเรื่องราวจะดำเนินผ่านตัวเอกชายที่ชื่อ คามิโจว โทวมะ ที่อยู่ในเมืองกาคุเอ็นซึ่งเป็นเมืองที่รวมรวมเด็กผู้มีพระจิตจากทั่วโลกและยังเป็นเมืองที่เทคโนโลยีก้าวหน้าที่สุดในโลกอีกด้วย เมื่อเขาได้พบกับ อินเดกซ์ เด็กสาวผู้สวมชุดแม่ชีก็ทำให้เขาต้องเข้าไปพัวพันกับปัญหาที่ตามมาไม่ว่าจะเป็นเรื่องวิทยาศาสตร์หรือเวทมนตร์ก็ตาม
แต่วันนี้เราจะมาพูดถึงเรื่องราวของตัวเอกชายคนที่สองอย่าง แอคเซราเรเตอร์ ซึ่งเป็นตัวละครหลักและมีบทบาทสำคัญภายในเรื่อง หากโทวมะเป็นฮีโร่ที่อยู่ในด้านแสงสว่าง แอคเซราเรเตอร์ก็เป็นคนปิดทองหลังพระที่อยู่ในมุมมืด แน่นอนว่าเนื้อเรื่องทางฝั่งของเขานั้นจะทั้งดำมืดและหนักหน่วงแบบสุดๆ อีกทั้งมือของเขาเองก็เปื้อนเลือดมามากเกินไปอย่างไม่น่าให้อภัย ในความเป็นจริงเขาควรจะชดใช้ความผิดด้วยชีวิตหากไม่ได้เจอกับเด็กผู้หญิงคนหนึ่งที่จะเปลี่ยนแปลงเขาให้เรียนรู้ถึงเส้นทางชีวิตที่แตกต่างออกไป
เนื้อหาบางส่วนมีการสปอยจึงควรพึงระวังในการอ่านบทความ
เด็กหนุ่มผู้รู้จักแต่เพียงโลกด้านมืด
แอคเซราเรเตอร์ ไม่ใช่ชื่อจริงๆ แต่เป็นโค้ดเนมของผู้มีพลังจิต LV.5 อันดับ 1 ของเมืองกาคุเอ็นที่มีเพียงเจ็ดคนบนโลก โดยเขามีพลังในการ เปลี่ยนเวกเตอร์ ทำให้สามารถเปลี่ยนทิศทางของทุกสิ่งทุกอย่างที่เขาสัมผัสได้ เมื่อก่อนเขาเองก็เคยมีชื่อเหมือนคนธรรมดาทั่วไปแต่ตั้งแต่ถูกทำการทดลองก็ได้เลิกใช้ชื่อนั้น โดยเขานั้นถูกทางสถาบันวิจัยทดลองตั้งแต่เด็ก ไม่มีทั้งครอบครัว ไม่มีเพื่อน ไม่มีสิ่งที่คนธรรมดาควรมีสักอย่างเดียว เขาจึงยึดติดกับความแข็งแกร่งของตัวเองและผลักสิ่งที่ไม่จำเป็นออกไปเสมือนพลังที่เขามี
ตั้งแต่เด็กเขาก็ได้ฆ่าผู้คนมามากมายเพื่อป้องกันตัวเอง เนื่องจากมีพลังที่แข็งแกร่งทำให้มีคนที่ต้องการใช้ประโยชน์จากตัวเขาเต็มไปหมด กระทั่งผ่านมาหลายปีการวิจัยเพื่อเพิ่มพลังเขาให้กลายเป็น LV.6 คนแรกของโลกก็ยิ่งดำมืดขึ้นเรื่อยๆ โดยเงื่อนไขก็คือการที่เขาต้องฆ่า ร่างโคลน ของ มิซากะ ที่เป็น LV.5 อันดับสามที่เรียกว่า ซิสเตอร์ ทั้งหมดจำนวน 20000 คนจึงจะทำให้เขาก้าวข้ามขีดจำกัดของพลังได้ แอคเซราเรเตอร์ที่ไม่สามารถถอยกลับได้แล้วจึงเข้าร่วมการทดลองและได้ฆ่าเหล่าซิสเตอร์ไปมากกว่า 9969 คน
เรียกได้ว่าทั้งชีวิตมีแต่กลิ่นคาวเลือด กระทั่งการทดลองครั้งที่ 10032 เขาก็ได้พบกับ โทวมะ ตัวเอกของเรื่องที่มีพลังลบล้างพลังทุกอย่างที่มือขวาได้สัมผัส แน่นอนว่าการต่อสู้ครั้งนี้โทวมะคือ ฮีโร่ ส่วนเขาคือ วายร้าย อย่างไม่ต้องสงสัย การต่อสู้ครั้งนั้นแอคเซราเรเตอร์ได้รับความพ่ายแพ้เป็นครั้งแรกในชีวิตและโปรเจคซิสเตอร์ก็ได้ยุบโครงการไป แม้เขาจะหงุดหงิดที่สู้แพ้โทวมะแต่กลับไม่รู้สึกเสียใจเท่าไรที่โปรเจคการเพิ่มพลังของเขาถูกล้มเลิกทั้งที่มาได้ครึ่งทางแล้ว อาจเพราะลึกๆ ในใจนั้นเขาเองก็ต้องการให้มันถูกล้มเลิกด้วยเช่นกัน
เมื่อได้พบแสงสว่างในชีวิตเป็นครั้งแรก
หลังโครงการถูกล้มเลิกเขาซึ่งไม่มีจุดหมายอะไรในชีวิตก็เร่ร่อนไปเรื่อยๆ กระทั่งวันหนึ่งเขาได้เจอเด็กผู้หญิงตัวน้อยซึ่งเป็นร่างโคลนของมิซากะลำดับที่ 20001 หรือที่เรียกว่า ลาสออเดอร์ โดยเธอนั้นเป็นศูนย์กลางของเครือข่ายซิสเตอร์ทั้ง 20000 คนที่แชร์ความทรงจำร่วมกัน กล่าวคือเธอนั้นรู้จักเขาและรับรู้การทดลองทั้งหมด แต่เธอกลับมาหาแอคเซราเรเตอร์เพื่อมา ขอบคุณ เขาทั้งๆ ที่น่าจะแค้นมากกว่า
ลาสออเดอร์ได้ให้เหตุผลว่าเธอนั้นมองออกว่าเขาไม่อยากทำการทดลองนี้มาตั้งแต่แรกแล้ว เพราะทุกคร้้งก่อนเริ่มการทดลองแอคเซราเรเตอร์จะชวนเหล่าซิสเตอร์พูดคุยถึงเรื่องความหมายของชีวิตเพื่อหวังให้พวกเธอรักชีวิตตัวเองแล้วหนีไปดีกว่าเริ่มการทดลองแต่มันไม่เคยสำเร็จ โดยตอนที่เริ่มการทดลองครั้งแรกเขาไม่รู้ว่าจะต้องฆ่าซิสเตอร์ทิ้งถึงจะบรรลุผลและพวกเธอเองก็จะไม่หยุดสู้จนกว่าจะตายเช่นกัน นั่นจึงทำให้เขานั้นไม่มีทางเลือกอื่นตั้งแต่แรกแล้ว
ซึ่งตั้งแต่เกิดมาแอคเซราเรเตอร์ก็พึ่งจะเคยได้ใส่ใจใครสักคนนอกจากชีวิตตัวเอง เขาถึงขนาดให้ลาสออเดอร์นอนค้างที่ห้องของเขา พาไปกินข้าวที่ร้านอาหารครอบครัวและพอรู้ว่าไม่สบายก็เดินใจลอยไปหา โยชิคาวะ ที่เป็นนักวิจัยผู้สร้างร่างโคลนเพื่อที่จะหาทางมารักษาอีก ยิ่งในตอนที่ลาสออเดอร์ถูกนักวิจัยชั่วลักพาตัวไปใส่ไวรัสในสมองเพื่อผลประโยชน์ส่วนตัว โยชิคาวะได้ให้แอคเซราเรเตอร์เลือกอย่างใดอย่างหนึ่งระหว่างข้อมูลของคนที่ลักพาตัวไปเพื่อไป ฆ่า กับข้อมูลวิธีแก้ไวรัสเพื่อ ช่วย ลาสออเดอร์ ซึ่งเขาที่ชีวิตเคยแต่ฆ่าคนก็ได้เลือกหนทางที่จะช่วยเหลือเป็นครั้งแรก
เหตุการณ์ครั้งนี้ได้เป็นจุดพลิกผันชีวิตของแอคเซราเรเตอร์ ซึ่งในขณะที่เขาทำการรักษาลาสออเดอร์นั้นจะไม่สามารถใช้พลังทำอย่างอื่นได้ และในตอนนั้นเองเขาก็รับรู้ว่ากำลังจะถูกยิงเข้าที่หัวซึ่งหากหยุดการรักษาชีวิตของลาสออเดอร์และใช้พลังปัดกระสุนออกไปก็รอด แต่เขาก็เลือกชีวิตของลาสออเดอร์มากกว่าตัวเองนั่นจึงทำให้ถูกยิงเข้าที่หัวจนสมองส่วนหน้าเสียหาย แม้จะรอดตายแต่ก็ทำให้หลังจากนั้นสมองไม่สามารถคำนวณได้ ไม่สามารถพูดคุยหรือฟังภาษาออกและทำให้การทรงตัวผิดปกติไปอีกด้วย ทั้งหมดนี้แลกมาเพียงเพราะเขาอยากจะช่วยใครสักคนและเริ่มต้นใหม่อีกครั้งเท่านั้น
สับสนกับชีวิตที่ไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป
หลังพักรักษาตัวเสร็จทั้งคู่ก็ย้ายมาอยู่ด้วยกันกับเพื่อนของโยชิคาวะที่ชื่อ โยมิคาว่า จากอาการบาดเจ็บครั้งนั้นทำให้แอคเซราเรเตอร์ต้องใส่อุปกรณ์ขั้วไฟฟ้าตรงคอเพื่อทดแทนสมองส่วนหน้าที่เสียหายไป ทำให้เขากลับมาใช้ชีวิตปกติได้อีกครั้งแม้ต้องใช้ไม้ค้ำเวลาเดินและสามารถใช้พลังจิตได้แค่เพียง 15 นาทีเท่านั้น แอคเซราเรเตอร์จึงได้บอกลาตำแหน่งผู้แข็งแกร่งที่สุดในเมืองกาคุเอ็นไปแต่เขากลับไม่รู้สึกเสียดายทั้งที่แต่ก่อนพยายามไขว่คว้าแทบตาย อาจเพราะในตอนนี้เขาได้สิ่งที่สำคัญกว่ามาแทนนั่นคือบรรดาคนสำคัญรอบๆ ตัวเขา
แอคเซราเรเตอร์ยังคงคิดอยู่เสมอเรื่องที่ว่าตัวเองนั้นสมควรที่จะมีชีวิตอย่างปกติสุขแบบนี้ไหม เขามักจะถามว่าทุกคนว่า ‘ดีแล้วเหรอที่ให้คนอย่างชั้นอยู่ด้วย’ เพราะเขาคร่าชีวิตผู้คนมามากเกินไป จึงไม่อยากจะให้คนรอบข้างต้องเข้ามาพัวพันกับความมืดมิดที่เขาก่อขึ้น แม้ในใจเขาจะยอมรับความรักจากลาสออเดอร์แต่ก็ไม่เคยแสดงความรักตอบกลับไปเลยสักครั้ง นั่นเพราะกลัวว่ามันจะส่งผลตรงข้ามทำให้เธอเจ็บปวดแทน เขาได้แต่คิดว่าถ้าหากย้อนกลับไปแก้ไขสิ่งต่างๆ ได้จะเป็นอย่างไรจนยิ่งคิดก็ยิ่งทำให้เกลียดตัวตนของตัวเองตอนนี้เข้าไปใหญ่
เข้าสู่เส้นทางของคนชั่วเพื่อปกป้องสิ่งสำคัญ
ความสงบสุขไม่เคยอยู่กับแอคเซราเรเตอร์นาน เมื่อตอนนี้มีคนต้องการใช้ประโยชน์จากลาสออเดอร์จนส่งคนมากมายมาจับตัว แน่นอนว่าเบื้องหลังคือคนใหญ่คนโตที่ตำรวจไม่สามารถไปยุ่งด้วยได้ ทำให้เขาต้องกลับไปเลือดเย็นเหมือนตัวเขาคนเก่าเพื่อฆ่าคนที่จะมาทำร้ายคนสำคัญของเขา แม้ว่าการกระทำแบบนี้จะทำให้เขาสูญเสียที่อยู่สำหรับโลกด้านสว่างก็ตาม ตัวเขาตอนนี้นั้นอ่อนแอกว่าแต่ก่อนมากแต่ก็ยังยอมเสียงชีวิตไปช่วยลาสออเดอร์จนเกือบตาย เรื่องครั้งนี้สอนให้เขาได้รู้ว่าการเป็นคนธรรมดาไม่สามารถช่วยปกป้องคนสำคัญได้ เขาจึงไม่ลังเลที่จะกระโจนเข้าสู่โลกด้านมืดอีกครั้ง
จากนั้นเขาได้ตอบรับคำชักชวนให้เข้ากลุ่มองค์กรมืดที่เรียกว่า GROUP โดยมีสมาชิกทั้งหมด 4 คน แต่ละคนมีเหตุผลในการเข้าร่วมกลุ่มเพื่อปกป้องคนสำคัญของตัวเองด้วยกันทั้งนั้น เขาเองก็เช่นกันด้วยเหตุผลที่ว่า ‘แค่ยัยเด็กบ้านั่นเท่านั้นที่ต้องพาออกมาจากความมืดให้ได้’ ทำให้เขาได้เดินบน เส้นทางของคนชั่ว เพราะคิดว่ามีเพียงทางนี้เท่านั้นที่เขาจะสามารถเดินไปได้ ซึ่งคนชั่วในแบบของเขานั้นไม่ได้หมายถึงการทำให้ผู้อื่นเดือดร้อนแต่เป็นการใช้วิธีการของคนด้านมืดในการจัดการคนจากด้านมืดด้วยกันเอง
ไม่เคยลืมบาปที่ตัวเองได้กระทำลงไป
เรื่องราวภายในเมืองก็ได้ผ่านไปอย่างปกติสุข แต่ไม่มีใครรู้ว่าเบื้องหลังการสร้างภาพนั้นเมืองกาคุเอ็นนี้เน่าเฟะมากแค่ไหน มีองค์กรผิดกฏหมายมากมายที่ตำรวจไม่สามารถไปยุ่งได้ นั่นจึงทำให้กลุ่ม GROUP ต้องออกโรง แอคเซราเรเตอร์ได้ทำภารกิจสำเร็จลงหลายภารกิจพร้อมๆ กับพัฒนาความสัมพันธ์ของคนในกลุ่มจนอาจเรียกได้ว่าเป็นเพื่อนกัน แม้เขาจะพูดเสมอว่าหากจวนตัวจริงๆ จะเป็นฝ่ายทิ้งแล้วหนีไปแต่ก็ไม่เคยทำตามที่พูดไว้สักครั้ง ในการต่อสู้แต่ละครั้งเขาจะพิจารณาอีกฝ่ายว่าเป็นคนชั่วระดับไหน หากเป็นคนที่ฆ่าคนบริสุทธิ์ที่ไม่เกี่ยวข้องได้เพื่อเหตุผลของตัวเองแล้วล่ะก็เขาจะทำการฆ่าทิ้งทันทีเพราะจุดยืนของความชั่วมันต่างกับของเขา
หลายครั้งการกระทำของแอคเซราเรเตอร์ก็ไม่ต่างจาก ฮีโร่ อย่างการไปทำลายองค์กรมืดที่ทำผิดกฏหมาย ช่วยเหลือผู้หญิงจากการค้ามนุษย์ ช่วยเหลือเด็กที่เป็นตัวประกันของผู้ก่อการร้ายหรือกระทั่งช่วยเหลือชีวิตคนท้องเองก็ทำมาแล้วทั้งนั้น แต่เวลามีคนถามแอคเซราเรเตอร์ว่าเขาเป็นใคร เขามักจะตอบว่าตัวเองเป็น คนชั่ว เสมอ เขาไม่เคยคิดว่าตัวเองเป็นคนดีเลยสักครั้ง คนที่เขาคิดว่าเป็นฮีโร่มีเพียงคนเดียวคือ โทวมะ ที่เข้าไปช่วยเหลือผู้อื่นเสมอแม้ว่าจะอ่อนแอก็ตาม ต่างกับเขาที่มีพลังแข็งแกร่งแต่ได้เพียงใช้มันในการทำลายชีวิตผู้อื่น เขาสาบานจะปกป้องรอยยิ้มของลาสออเดอร์แม้ต้องเป็นศัตรูของคนทั้งโลกก็ตาม เพราะเด็กคนนั้นคือแสงสว่างเพียงหนึ่งเดียวที่ส่องมาหาเขาที่มือเต็มไปด้วยเลือด
เมื่อไม่จำเป็นต้องเป็นคนชั่วอีกต่อไป
ในเหตุการณ์ที่ลาสออเดอร์นั้นป่วยหนักและถูกตามไล่ฆ่าจนเขาต้องพาหนีออกนอกเมือง ระหว่างการหลบหนีแอคเซราเรเตอร์ก็ได้เห็นเธอทรมานจากอาการป่วยจนเขานั้นไม่เข้าใจเลยว่าทำไมเด็กที่ไม่มีความผิดถึงต้องเจ็บปวดมากขนาดนี้ เขาได้พยายามต่อสู้กับคนที่ไล่ตามมาพร้อมกับหาทางรักษาลาสออเดอร์ไปพร้อมๆ กันจนร่างกายและจิตใจอ่อนล้าไปหมด เขาเริ่มที่จะคุมพลังไม่อยู่และบ้าคลั่งไป ซึ่งตอนนั้นเองที่โชคชะตาได้นำทางเขามาพบกับ โทวมะ อีกครั้ง
เมื่อเจอกันเขาก็ได้นำความคับแค้นใจทั้งหมดเข้าสู้กับโทวมะอีกครั้ง ด้วยเหตุผลที่ว่าโทวมะนั้นเป็นฮีโร่ที่คอยช่วยเหลือผู้อื่นเสมอ ทำสิ่งที่คนทั่วไปทำไม่ได้ให้เป็นไปได้ แต่ทั้งอย่างนั้นกลับไม่หันมาเหลียวแลลาสออเดอร์บ้างเลย การที่คนชั่วอย่างเขาต้องลุกขึ้นสู้เพื่อเด็กผู้หญิงมันเป็นเรื่องแปลกมาตั้งแต่แรกอยู่แล้ว จนกระทั่งโดนโทวมะต่อยเรียกสติอีกเป็นครั้งที่สองว่าตัวของแอคซาราเรเตอร์นั้นอยากทำอะไรกันแน่ เพราะการช่วยเหลือใครสักคนมันไม่จำเป็นต้องเป็นคนดีหรือคนชั่ว แค่มีคนต้องการความช่วยเหลืออยู่ตรงหน้าก็เป็นเหตุผลเพียงพอที่จะเข้าไปช่วยแล้ว นั่นจึงทำให้แอคเซราเรเตอร์พ่ายแพ้อีกครั้งพร้อมกับรอยยิ้มที่เกิดจากความสับสนภายในใจเขาได้หายไปพร้อมคำพูดนั้น
เมื่อการปะทะจบลงมันทำให้แอคเซราเรเตอร์เปลี่ยนความคิดแต่เดิมทั้งหมด เขาไม่ยึดติดกับตำแหน่งของคนชั่วหรือคนดีอีก เพียงแค่อยากจะปกป้องลาสออเดอร์ที่เป็นภาพลวงตาเพียงหนึ่งเดียวของเขา เพราะฉะนั้นไม่ว่าความเป็นจริงที่โหดร้ายแบบไหนเขาก็พร้อมที่จะเผชิญหน้ากับมัน หลังจากผ่านเรื่องราวต่างๆ มามากมายมันทำให้เขาไม่จำเป็นต้องเป็นคนชั่วอีกต่อไปแล้ว ตอนนี้เขาเป็นเพียงตัวเขาที่ต้องการทำบางสิ่งบางอย่างที่จะทำให้เกิดความภาคภูมิใจในการกระทำของตัวเองเพียงเท่านั้นก็เพียงพอ
เป็นอย่างไรกันบ้างกับเรื่องราวของชายไร้ชื่อที่เรียกว่า แอเซราเรเตอร์ บอกคำเดียวว่ามาไกลมากจากตอนแรกที่เป็นเพียงมหาวายร้ายที่ฆ่าคนไปนับหมื่นคน แต่เมื่อพบลาสออเดอร์ก็ทำให้เขาได้เดินบนเส้นทางที่ต่างออกไป แต่ถึงกลับตัวกลับใจมากแค่ไหนเขาก็ไม่เคยลืมความผิดที่ได้ก่อเอาไว้ เขาแค่พยายามชดใช้ความผิดโดยการช่วยเหลือผู้อื่นให้มากกว่าที่เคยทำผิดเอาไว้แค่นั้นเอง