พอได้ย้อนกลับมาดู Hanasaku Iroha สาวเรียวกังหัวใจเกินร้อย อีกครั้ง นอกจากข้อคิดดีๆ ก็ยังมีอีกอย่างที่การ์ตูนเรื่องนี้แฝงไว้แทบจะตลอดทั้งเรื่อง นั่นคือความสัมพันธ์ของตัวละครระหว่างพ่อแม่กับลูก สิ่งที่พ่อแม่สร้างไว้ ความคาดหวัง ความหวังดี ความไว้เนื้อเชื่อใจต่างๆ นานา ที่พอตกมาถึงลูกแทนที่จะเป็นความรู้สึกดีๆ มันอาจกลายเป็นปมปัญหาของลูกทำร้ายลูกโดยที่พ่อแม่ไม่ทันรู้ตัวก็ได้
อย่าเอาความฝันของตัวเอง…มายัดเยียดให้ลูกหลาน
ชิจิมะ ซูอิ นายหญิงแห่งโรงเตี๊ยมคิสซุยโซ โรงเตี๊ยมที่ซูอิกับสามีช่วยกันสร้างขึ้นมาจากน้ำพักน้ำแรงเป็นความฝันของพวกเขา หลังจากที่สามีตายไปเธอยังคงยึดติดกับสิ่งที่สามีเคยบอก “ความหมายของคิสซุยโซคือโรงเตี๊ยมที่ทำให้ซูอิมีความสุข” เธอทุ่มเททุกอย่างเพื่อให้โรงเตี๊ยมที่เป็นความฝันยังอยู่ต่อไปได้ เป็นนายหญิงผู้เคร่งครัดโดยเฉพาะกับซัตสึกิและเอนิชิลูกของตัวเอง มันเป็นความเห็นแก่ตัวที่ยัดเยียดความฝันของตัวเองให้ลูกๆ ทำให้ลูกต้องทุกข์ทรมาน ทำร้ายลูกเพื่อความสุขของตัวเอง
ซัตสึกิในช่วงวัยรุ่นม.ปลายเป็นวัยต่อต้านมักจะทะเลาะและมีปากเสียงกับแม่บ่อยๆ เธอเกลียดโรงเตี๊ยมแห่งนี้ เกลียดแม่ที่เคร่งครัดเห็นการบริการลูกค้าสำคัญเหนือสิ่งอื่นใด อยากหนีไปให้ไกลจากคิสซุยโซ
พอได้เจอกับช่างภาพจากโตเกียวที่มาพักในคิสซุยโซ เธอก็ตัดสินใจว่าจะสอบเข้ามหาวิทยาลัยในโตเกียวตามเขาคนนั้นไปและค้นหาสิ่งที่อยากทำที่โตเกียว (จะเรียกว่าหนีตามผู้ชายก็คงไม่ผิด)
สุดท้ายแล้วเมื่อไม่มีซัตสึกิภาระอันหนักอึ้งที่เรียกว่าคิสซุยโซซึ่งเป็นความฝันของพ่อแม่ก็ตกมาที่เอนิชิที่เป็นน้องชาย แม้ซูอิจะไม่เคยพูดออกมาว่าให้ลูกรับช่วงต่อ แต่เอนิชิก็รู้อยู่แก่ใจว่าเขาต้องเป็นคนทำหน้าที่นั้นและปักใจอยู่กับการสืบทอดคิสซุยโซจนไม่เคยแม้แต่จะคิดหาสิ่งที่ตัวเองอยากทำ และเขาก็อยากจะพิสูจน์ตัวเองจนกลายเป็นความดื้อดึงไม่ฟังใครโดยเฉพาะพี่สาว ตอนเด็กๆ เขาทำได้แค่มองพี่สาวกับแม่ทะเลาะกัน ตอนนี้เขาอยากเก่งกว่าพี่อยากเป็นที่พึ่งพาได้
อย่าใช้ข้ออ้างว่าไม่มีเวลา…เมื่อรักษาสัญญาไม่ได้
หลังจากที่สามี(ที่เธอหนีตามเขามา)ของซัตสึกิเสียไป เธอก็ทำงานจนไม่มีเวลาดูแลโอฮานะ กลับกันเป็นโอฮานะที่อยู่แค่อนุบาลก็ต้องดูแลและจัดการงานบ้านทุกอย่าง ไม่ว่าแม่จะเที่ยวกลางคืนแล้วเมากลับมาหรือเปลี่ยนแฟนใหม่บ่อยๆ เธอก็ไม่เคยบ่นไม่เคยโกรธพยายามเข้าใจแม่ที่ทำงานหนักเพื่อเธอ
ถึงโอฮานะจะโดนแม่เบี้ยวนัดผิดสัญญาครั้งแล้วครั้งเล่าเธอก็ไม่เคยงอแง แต่ก็ไม่คิดว่าแม้แต่วันพบผู้ปกครองที่โรงเรียนแม่ก็ยังไม่มีเวลาไป นั่นเป็นความผิดหวังครั้งใหญ่ของโอฮานะ หลังจากนั้นเธอก็เลิกหวังที่จะพึ่งพาคนอื่น เพราะแม้แต่แม่แท้ๆ เธอยังพึ่งพาหรือฝากความหวังไว้ไม่ได้เลย
“เมื่อใดที่หวังพึ่งคนอื่น มันมักจบลงด้วยความเจ็บปวด ดังนั้นการไม่หวังพึ่งคนอื่นตั้งแต่แรกน่ะดีแล้ว”
อย่าเอาคำว่าไว้ใจ…มาทำให้ลูกต้องแบกทุกอย่างไว้คนเดียว
นาโกะเด็กสาวที่พออยู่ต่อหน้าคนอื่นจะเป็นเด็กขี้อาย แต่กลายเป็นพี่สาวสุดเพอร์เฟกเมื่ออยู่ต่อหน้าน้องๆ เธอต้องแบกเรื่องที่บ้านไว้กับตัวเองทั้งหมด เพราะทั้งพ่อและแม่มีอาชีพเป็นอาจารย์ก็มัวแต่ยุ่งกับการวิเคราะห์และเตรียมแผนการสอนให้นักเรียน แต่กลับไม่มีเวลาให้ลูกตัวเอง หน้าที่ทั้งหมดจึงตกมาอยู่ที่ลูกสาวคนโตอย่างนาโกะ ทั้งดูแลน้องๆ ทำกับข้าวและงานบ้านทุกอย่างแทนพ่อแม่
“เพราะนาโกะแท้ๆ ช่วยได้มากเลยจ้ะ…ถ้าไม่มีลูกอยู่เราจะทำยังไงดีล่ะเนี่ย…นาโกะเนี่ยไว้ใจได้จริงๆ นะ”
พอมีปัญหาก็เก็บไว้และพยายามจัดการด้วยตัวเองเพียงเพราะไม่อยากสร้างปัญหาให้คนรอบข้าง แต่การเก็บปัญหาไว้คนเดียวนั่นแหละที่ทำให้ปัญหาบานปลายเป็นเรื่องใหญ่
บางครั้งคำว่าไว้ใจที่พ่อแม่มอบให้มันอาจกลายเป็นกำแพงขวางกั้น ทำให้ลูกไม่สามารถบอกเรื่องที่เป็นกังวลจนทุกข์ใจกับพ่อแม่ได้ เพียงเพราะไม่อยากทำลายความเชื่อใจที่พ่อกับแม่มอบให้
อย่าใช้ความคาดหวัง…มากดดันลูก
ลูกชายเพียงคนเดียวของเจ้าของโรงเตี๊ยมใหญ่โตที่โรงเรียนของโอฮานะเข้าพักตอนไปทัศนะศึกษา พอเขาเรียนจบม.ปลายก็ตั้งหน้าตั้งตาเรียนรู้เพื่อจะได้เข้ามาบริหารกิจการโรงเตี๊ยมของที่บ้าน เป็นความหวังที่พ่อแม่อยากฝากฝังให้เขามารับช่วงต่อ
แต่ความคาดหวังที่มากเกินไปก็กลายเป็นความกดดัน ส่งผลให้ลูกไปเข้มงวดกับพนักงานต่ออีกทอด และด้วยความที่ประสบการณ์ยังน้อยทำให้เขาให้ความสำคัญกับลูกค้าแต่ลืมนึกถึงพนักงาน เป็นเหตุให้พนักงานลาออกกระทันหันเกิดความเสียหายครั้งใหญ่ แม้จะยังเด็กแต่พอผิดพลาดก็โดนตำหนิเสียยกใหญ่
อย่าดีแต่คิดว่าอะไรดีที่สุดสำหรับลูก…โดยที่ไม่ฟังว่าเขาชอบมันหรือเปล่า
มินโกะมีความฝันอยากเป็นแม่ครัวแต่ถูกพ่อแม่สั่งห้ามและกีดกัน เพราะปักใจเชื่อว่าเป็นอาชีพที่ไม่มั่งคงไม่มีหน้ามีตาวันๆ ต้องขลุกอยู่แต่ก้นครัว เธอจึงออกจากบ้านมาทำงานแลกอาหารแลกที่พักและฝึกเป็นแม่ครัวที่คิสซุยโซ
ผลจากความคิดอันเผด็จการของผู้ใหญ่ที่ดีแต่สั่งให้ลูกเป็นอย่างนั้นอย่างนี้โดยไม่ฟังความคิดเห็นของลูก ว่าลูกอยากเป็นอะไรอยากทำอะไร ทำให้เด็กสาวคนหนึ่งต้องออกมาสู้ชีวิตเพื่อความฝันด้วยตัวคนเดียว หากมินโกะไม่ได้เจอเจ้านายและเพื่อนที่ดีไม่อยากจะคิดต่อเลยว่าชีวิตจะเป็นอย่างไร
มันไม่ผิดที่พ่อแม่หวังดีกับลูกตั้งใจสร้างความมั่นคงและเคี่ยวเข็ญให้ลูกเข้มแข็งพอจะรับช่วงต่อ เผื่อว่าวันข้างหน้าที่ตัวเองไม่ได้อยู่บนโลกใบนี้แล้วลูกจะได้ไม่ลำบาก ตัวเองจะได้หมดห่วง พ่อแม่ทำทุกอย่างแต่กลับลืมถามว่าลูกต้องการหรือเปล่า ความหวังดีเหล่าก็สามารถกลายร่างเป็นหอกแหลมทิ่มแทงให้ลูกเจ็บปวด สร้างบาดแผลที่ไม่อาจเยียวยาก็เป็นได้
อ้างอิง