Hanasaku Iroha สาวเรียวกังหัวใจเกินร้อย เป็นเรื่องราวของมัตสึมาเอะ โอฮานะ เด็กสาวอายุสิบหกปีที่ถูกแม่ส่งไปอยู่กับคุณยายที่เป็นนายหญิงแห่งโรงเตี๊ยมคิสซุยโซผู้เข้มงวด เพราะแม่ต้องหนีหนี้ไปกับแฟนใหม่ส่วนพ่อก็เสียไปตั้งแต่เธอยังแบเบาะ โอฮานะจึงต้องทำงานเป็นบริกรเพื่อแลกที่อยู่ที่กิน เธอต้องฝ่าฟันอุปสรรคเพื่อให้ตัวเองเป็นที่ยอมรับ
ถึงจะเป็นอนิเมะแนวสาวน้อยสู่ชีวิตที่ไม่ได้ดราม่ามากมายอะไรจนออกจะเป็นแนวชีวิตประจำวัน แต่สิ่งต่างๆ ที่เกิดขึ้นในคิสซุยโซทำให้โอฮานะได้เรียนรู้อะไรมากมายซึ่งสะท้อนความเป็นจริงธรรมดาๆ ที่พบเจออยู่ทุกวันแต่ไม่ค่อยมีใครสังเกตเห็น
กว่าจะรู้ว่าใครเป็นคนสำคัญ…ก็ตอนที่เสียเขาไปแล้ว
พอทาเนมูระ โคอิจิหรือโคจังรู้ว่าโอฮานะต้องย้ายไปอยู่กับคุณยายที่คิสซุยโซ เขาก็ตัดสินใจสารภาพรักกับโอฮานะ ถึงจะไม่ได้รับคำตอบทันทีแต่เขาก็ส่งเมลล์หาเธอตลอด ส่วนโอฮานะก็ทำตัวครึ่งๆ กลางๆ ไม่ได้รับรักหรือปฏิเสธให้ชัดเจน จนกระทั่งโคจังเริ่มถอดใจยอมแพ้ ถึงจะไม่ได้บอกตรงๆ แต่ต่างคนต่างก็รู้ว่าเขาตั้งใจที่จะตัดใจจากเธอแล้วและตัวเธอเองก็ไม่มีสิทธิ์รั้งเขาไว้ วินาทีนั้นโอฮานะถึงได้รู้ตัวว่าตัวเองก็ชอบโคจังเช่นกัน
ถ้าไม่พูดออกมา…ก็ไม่มีใครเข้าใจหรอกนะ
ตอนที่จัดงานวัฒนธรรมที่โรงเรียนห้องของโอฮานะและมินโกะตกลงกันว่าจะทำคาเฟ่เจ้าหญิง มินโกะเพื่อนของโอฮานะซึ่งทำงานเป็นแม่ครัวฝึกหัดที่คิสซุยโซได้รับหน้าที่ให้เป็นหัวหน้าฝ่ายทำอาหาร เธอปฏิเสธเมนูข้าวห่อไข่ที่เพื่อนเสนอเพราะเธอรู้ดีว่าอุปกรณ์ที่ใช้ทำอาหารในห้องเรียนมันไม่สามารถทำข้าวห่อไข่ให้อร่อยได้เพราะความร้อนมันร้อนไม่พอ ซึ่งมินโกะไม่ได้อธิบายให้เพื่อนฟังแบบนี้ เธอบอกเพื่อนแค่ว่าเราไม่สามารถทำข้าวห่อไข่ได้ก็เลยตัดเมนูนี้ออกไป เลยทำให้ทะเลาะกันใหญ่โตเพราะไม่มีใครรู้เหตุผลที่เธอปฏิเสธความคิดของเพื่อน
การตัดสินใจปิดโรงเตี๊ยมของนายหญิงก็เช่นกัน เธอตั้งใจจะปิดโรงเตี๊ยมคิสซุยโซหลังจบงานเทศกาลบงโบรุ เพราะไม่อยากให้ใครต้องมาแบกรับภาระต่อ ถึงจะไม่เคยพูดแต่นายหญิงเองก็คิดมาตลอดว่าคิสซุยโซที่เป็นความฝันของตัวเองได้ทำร้ายทั้งลูกๆ และพนักงานมาตลอด เธอเลยตั้งใจปิดกิจการเพื่อปลดปล่อยทุกคนไปจากความฝันของตัวเอง แต่ในขณะเดียวกันนายหญิงก็ไม่ได้รู้ตัวเลยว่าทั้งลูกและพนักงานต่างก็รักคิสซุยโซไม่แพ้เธอ
ทุกคนจึงคัดค้านและต่อต้านนายหญิงเพราะเธอบอกเพียงแค่ว่าจะปิดกิจการโดยที่ไม่อธิบายอะไรเลย แต่ท้ายที่สุดเมื่อคนเข้าใจถึงเหตุผลของนายหญิงก็ไม่มีใครคัดค้านอะไร ทุกคนแยกย้ายไปตามทางของตัวเองและสัญญากันว่าถ้าคิสซุยโซเปิดอีกครั้งทุกคนก็พร้อมที่จะกลับมา
เราไม่สามารถทำทุกอย่างได้ด้วยตัวคนเดียว
เมื่อโอฮานะคุ้นเคยกับการทำงานที่คิสซุยโซ เธอทุ่มเทให้กับการทำงาน ตื่นแต่เช้ามาทำความสะอาดทุกที่จนเอี่ยมก่อนที่พนักงานคนอื่นจะมาถึง และพยายามไล่ค้างคาวที่หลงเข้ามาตรงโถงทางเดินให้ออกไปจากโรงเตี๊ยมด้วยตัวคนเดียวจนทำให้ล้มป่วย นั่นเพราะเธอตั้งใจจะทำทุกอย่างด้วยตัวเองไม่ขอความช่วยเหลือจากใคร ถ้าหากขอให้เพื่อนมาช่วยตั้งแรกก็คงไม่ต้องมาป่วยเพราะร่างกายอ่อนแอที่พักผ่อนไม่พอแบบนี้
หรือแม้แต่ตอนที่มินโกะทะเลาะกับเพื่อนช่วงจัดงานวัฒนธรรมโรงเรียนเธอก็ตัดสินว่าจะทำทุกอย่างด้วยตัวคนเดียวทั้งคิดเมนู ไปซื้อวัตถุดิบ เตรียมวัตถุดิบ และทำอาหารเอง ซึ่งทั้งหมดไม่ใช่เรื่องง่ายและต้องใช้เวลา แต่เมื่อทุกคนเข้าใจเหตุผลของมินโกะและกลับมาช่วยทุกอย่างก็เสร็จอย่างรวดเร็ว เมนูข้าวห่อไข่ที่คิดว่าทำไม่ได้พอมาลองคิดช่วยกันอีกครั้ง พวกเธอก็พบวิธีที่สามารถทำเมนูนี้ให้อร่อยได้ด้วยอุปกรณ์ที่มี
บางครั้งความฝัน…มันก็เกิดขึ้นโดยที่เราไม่ทันได้รู้ตัว
ตลอดเวลาที่อยู่โตเกียวโอะฮานะไม่เคยมีความฝันไม่เคยมีเป้าหมาย และเมื่อได้มาทำงานที่คิสซุยโซแรกๆ เธอเกลียดคุณยายที่เป็นนายหญิงเพราะเป็นคุณยายทั้งดุทั้งเข้มงวด ห้ามเรียกยายต้องเรียกว่านายหญิงเท่านั้น และบอกกับเธอว่า “ถ้าอยากจะอยู่ที่นี่ก็ต้องทำงาน” ปฏิบัติกับหลานเหมือนเป็นพนักงานคนหนึ่ง
แต่เมื่อโอฮานะคุ้นเคยกับการทำงานและเข้าใจนายหญิงมากขึ้น เธอก็พบว่าตัวเองรักคิสซุยโซอยากเป็นเหมือนนายหญิง เป็นคนที่ยึดมั่นในการทำงานและทำงานอย่างขันแข็ง ถึงบางครั้งจะทำตัวเป็นเด็กไปบ้าง แต่ก็ไม่เคยลืมความปรารถนาในตอนแรก
ส่วนมินโกะที่ใฝ่ฝันที่จะเป็นแม่ครัวจนทะเลาะกับที่บ้านเลยมาทำงานเป็นแม่ครัวฝึกหัดที่คิสซุยโซแม้ว่าที่บ้านจะไม่ยอมรับก็ตาม ถึงจะเห็นว่ามินโกะจริงจังและแน่วแน่กับความฝันขนาดนั้น แต่ความฝันของเธอนั้นมันก็เริ่มมาจากที่เธอได้นั่งดูพ่อครัวทำข้าวห่อไข่ และได้แรงบรรดาลใจบางส่วนจากหนังสือการ์ตูนที่อ่านเท่านั้นเอง
สายสัมพันธ์ของครอบครัว…แม้ไม่เคยพูด…แม้มองไม่เห็น…แต่ก็ไม่ได้แปลว่าไม่มีอยู่จริง
เมื่อคิสซุยโซถึงคราววิฤตกิจการย่ำแย่เริ่มไม่มีลูกค้า อีกทั้งยังขาดทุนเพราะถูกโปรดิเซอร์สร้างภาพยนตร์โกง ทั้งโทกาโกะลูกสะใภ้และซัตสึกิแม่ของโอฮานะที่หนีออกจากบ้านไปตั้งแต่จบม.ปลายต่างก็ช่วยกันตามตัวโปรดิวเซอร์คนนั้นเพื่อถวงเงินคืน และซัตสิกิที่ทำงานเป็นบก.ยังเขียนคอลัมน์เกี่ยวกับคิสซุยโซลงในนิตยสารนำเที่ยวทำให้มีลูกค้าเพิ่มขึ้น
ช่วงเทศกาลบงโบรุโรงเตี๊ยมคิสซุยโซมีลูกค้าเยอะจนพนักงานไม่พอ ซัตสึกิที่ตั้งใจกลับมาคิสซุยโซเพียงเพื่อเที่ยวงานเทศกาลบงโบรุก็ต้องพับเรื่องเที่ยวเก็บเอาไว้ แล้วมาช่วยงานที่คิสซุยโซก่อน ถึงจะออกจากบ้านไปนานจนดูเหมือนว่าจะตัดขาดจากกันไปแล้วและปากก็บอกว่าเกลียดแต่เมื่อเกิดปัญหาครอบครัวก็ยังคงช่วยเหลือกันและกันเสมอ
ชีวิตประจำวันของคนเราที่บางทีมันก็วนอยู่แต่ลูปเดิมๆ ทำให้เราเคยชินจนไม่ทันได้สังเกตว่าภายใต้ความธรรมดาเหล่านั้นมันอาจมีแง่คิดดีๆ ซ่อนอยู่ก็เป็นได้ ไม่สิ! ต้องมีอยู่แน่ๆ เห็นชีวิตธรรมดาโอฮานะแต่มีทั้งความรัก ความฝัน ความสัมพันธ์กับผู้คนรอบตัว และครอบครัวแบบนี้แล้ว ก็ลองกลับไปสังเกตชีวิตแสนธรรมดาของตัวเองบ้างดีกว่า แล้วพบกันใหม่ในบทความหน้านะคะ