ในบทความครั้งก่อนได้กล่าวถึงภาพยนตร์เรื่องมิไร มหัศจรรย์วันสองวัยไปแล้ว วันนี้อนิไทม์ขอแนะนำมิไรในรูปแบบนิยายกันบ้างค่ะ รับรองว่าจะเติมเต็มให้ท่านที่ชมภาพยนตร์มาแล้วให้อิ่มเอมมากขึ้นอย่างแน่นอน แต่จะละเอียดมากแค่ไหน วันนี้จะขอยกตัวอย่างให้คุณผู้อ่านได้ลองอ่านพอเป็นน้ำจิ้มกันคร่าวๆ ก่อนตัดสินใจซื้อค่ะ
คำเตือน : มีการเปิดเผยเนื้อหาบางส่วนที่สำคัญในเรื่อง

นิยายเล่มนี้มีขนาดประมาณพ็อกเก็ตบุ๊ก เพราะฉะนั้นเลยใช้เวลาในการอ่านไม่ค่อยนาน การเรียงลำดับเนื้อเรื่องจะแตกต่างกับภาพยนตร์ตรงที่นิยายจะเริ่มเล่าตั้งแต่พ่อแม่ของคุนจังเริ่มแต่งงานกันใหม่ๆ และย้ายมาอยู่ที่เมืองโยโกฮามะ ก่อนตัดสินใจซื้อบ้านหลังหนึ่งเพื่อที่จะลงหลักปักฐาน แต่ในภาพยนตร์จะเริ่มในวันที่คุนจังมีน้องเบบี๋ นอกจากนี้ยังเพิ่มรายเอียดของตัวละครที่เสริมให้เราได้เข้าใจเนื้อเรื่องมากขึ้น

ชีวิตที่แตกต่างแต่ลงตัว
ในนิยายจะกล่าวถึงนิสัยของคู่สามีภรรยาไว้อย่างชัดเจน รวมถึงหน้าที่การงานของทั้งสอง ตอนที่ดูในภาพยนตร์ก็แอบสงสัยอยู่เหมือนกันว่าทำไมพ่อถึงสามารถสร้างบ้านหลังใหญ่ขนาดนี้ได้ เพราะบ้านและที่ดินในญี่ปุ่นน่าจะแพงเกินคู่สมรสวัยหนุ่มสาวจะจ่ายไหว แต่ในนิยายก็ได้เผยรายละเอียดว่าแต่ก่อนพ่อทำงานที่บริษัทก่อสร้าง ก่อนจะลาออกมาเป็นสถาปนิกฟรีแลนซ์และมีผลงานที่ได้รับรางวัลมากมาย ทำให้มีงานจากทั้งในและต่างประเทศเข้ามาตลอด ทำให้เริ่มไม่แปลกใจแล้วว่าทำไมถึงรวย
ส่วนคุณแม่ก็ทำงานอยู่ในกองบรรณาธิการนิตยสารแห่งหนึ่ง นิสัยของเธอเป็นคนจู้จี้จุกจิกและรักความสมบูรณ์แบบมากที่สุดคนหนึ่ง ส่วนคุณพ่อนิสัยค่อนข้างเป็นศิลปิน ชอบอยู่คนเดียว แต่ก็หัวรั้น ไม่ฟังใคร ความรู้สึกค่อนข้างช้า แม้ปกติจะเป็นคนนุ่มนวลแต่ถ้าถูกขัดอารมณ์แล้วล่ะก็จะกลายเป็นคนขี้โมโหทันที แม้ว่านิสัยทั้งคู่จะต่างกันมาก แต่ด้วยเคมีหลายอย่างๆ ก็เข้ากันได้ดีทำให้ยังใช้ชีวิตอยู่ร่วมกันได้โดยไม่เลิกรา

บ้านที่ออกแบบด้วยใจ
ในภาพยนตร์จะเห็นได้ว่าบ้านของครอบครัวคุนจังมีบันไดขึ้นลงค่อนข้างเยอะทำให้รู้สึกแปลกใจว่าทำไมถึงสร้างบ้านทรงแปลกแบบนี้ ซึ่งในนิยายก็อธิบายความเป็นมาของบ้านนี้ไว้อย่างละเอียดเลยทีเดียวค่ะ
บ้านหลังนี้ค่อนข้างแตกต่างจากบ้านเดี่ยวทั่วๆ ไป เพราะตัวบ้านสร้างอยู่ในพื้นที่ลาดเอียง ปกติแล้วคนส่วนใหญ่มักถมที่ให้พื้นเรียบเสมอกัน แต่บ้านหลังนี้กลับปรับแต่งทรงบ้านให้เข้ากับความลาดเอียงของพื้นที่ ห้องทั้งหกห้อง รวมถึงสวนกลางบ้านจะอยู่ในลักษณะไล่ระดับตามขั้นบันได ชั้นบนสุดคือ ห้องอาบน้ำ และห้องน้ำ ถัดลงมาคือ ห้องนอน ต่อมาเป็นห้องครัวกับห้องกินข้าว และสวนซึ่งมีต้นโอ๊กอยู่ตรงกลาง จนถึงห้องเด็กที่อยู่ล่างสุด
การไล่ระดับช่วยให้คนที่อยู่ในห้องนอนสามารถมองลงมาเห็นห้องเด็กได้ตลอดเวลา คนที่อยู่ห้องเด็กก็สามารถมองขึ้นไปถึงห้องนอนที่อยู่ชั้นบนได้เช่นกัน อีกทั้งแสงยังสามารถส่องถึงทุกห้องในบ้าน และเมื่อลงบันไดจากสวนกลางบ้านไปจะเจอประตูทางเข้าบ้าน ในนิยายยังเล่าว่าแต่ก่อนบ้านหลังนี้มีเพียงเรือนหลักกับสวนต้นโอ๊กหน้าบ้านเท่านั้น แต่พอมีคุนจังคุณพ่อก็เริ่มปรับปรุงบ้นเพื่อให้ลูกได้อยู่อย่างสบายในอนาคต

เจ้าชายของบ้านหลังน้อย
ใครได้ดูภาพยนตร์จะเห็นว่ายุกโกะบอกกับคุนจังว่าแต่ก่อนเขาคือสุดที่รักของบ้านหลังนี้ แต่พอคุนจังเกิดมาเขาก็ค่อยๆ หมดความสำคัญลง ซึ่งในภาพยนตร์จะไม่ค่อยมีเนื้อเรื่องที่เกี่ยวกับยุกโกะมากเท่าไร แต่ในนิยายจะเล่าเรื่องของยุกโกะตั้งแต่รับเข้ามาเลี้ยงเลยล่ะค่ะ

แม่ของคุนจังรู้สึกประทับใจยุกโกะ หมาน้อยพันธุ์มินิเอเจอร์ดัชชุนด์เชื้อสายอังกฤษตั้งแต่วินาทีแรกที่สบตากันในร้านขายสัตว์เลี้ยง หลังจากนั้น 1 สัปดาห์ยุกโกะกลายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตคู่ ไม่ว่าจะเป็นเวลางาน ทะเลาะหรือสวีทกัน จนถึงเป็นผู้เฝ้าดูพัฒนาการของคุนจัง ขณะเดียวกันคู่สามีภรรยาก็เอ็นดูยุกโกะเหมือนเป็นลูกของตัวเอง เฝ้ามองมันเล่นกับลูกบอลสีแดงและนอนหลับอย่างอ่อนโยนมาโดยตลอด ซึ่งนั่นทำให้เราเข้าใจถึงความรู้สึกน้อยใจของยุกโกะมากขึ้นว่าทำไมเขาถึงรู้สึกสะใจที่คุนจังกำลังถูกลดความสำคัญลงเหมือนกับที่ตนเคยเป็น

โลกของคุณตาทวดที่เชื่อมโยงจนถึงปัจจุบัน
ในตอนที่คุณจังได้ย้อนเวลากลับไปหาตาทวดก็สงสัยอยู่ว่าทำไมถึงต้องเป็นที่แห่งนี้ มีเหตุการณ์อะไรบ้างที่เชื่อมโยงถึงกัน ในตอนแรกคิดว่าย้อนไปเพื่อให้คุณตาทวดสอนขี่จักรยาน แต่ว่าเมื่อมาอ่านนิยายแล้วสิ่งที่เชื่อมโยงกันไม่ได้มีเพียงเท่านี้ เพราะว่าสวนสาธารณะที่คุณจังไปหัดขี่จักยานมีสถานที่บางอย่างที่เชื่อมโยงถึงกันอยู่
สมัยก่อนสวนสาธารณะแห่งนี้เคยเป็นสวนป่าชื่อว่า สวนป่าเนกิชิ และมีสนามม้าโยโกฮามะ หลังจากสิ้นสุดสงครามโลกครั้งที่สอง ที่นี่ก็ตกอยู่ภายใต้การควบคุมของกองทัพอเมริกันชั่วระยะหนึ่ง เมื่อได้รับการปลดปล่อย เทศบาลเมืองโยโกฮามะจึงปรับปรุงใหม่ให้เป็นสวนสาธารณะ สิ่งเดียวที่ยังเหลือให้คนรุ่นใหม่ได้หวนรำลึกคืออัฒจันทร์เจ็ดชั้นที่สร้างเมื่อค.ศ.1929 สิ่งปลูกสร้างที่คุนจังได้เห็นตอนอยู่บนหลังม้ากับตาทวดกับซากปรักหักพังที่อยู่ไกลๆ tuzla escort ในฉากสวนป่าเนกิชิก็คือที่นี่แหละ

ต้นโอ๊ก…ห้องสมุดแห่งความทรงจำ
ต้นโอ๊กกลางสวนบ้านที่เป็นคีย์หลักของการทะลุมิติเวลา ที่จริงแล้วอยู่มาตั้งแต่ก่อนตาทวดจะเกิด ตอนที่คุณตาทวดท้าคุณยายทวดแต่งงานด้วยการวิ่งแข่งก็ใช้ต้นโอ๊กนี้เป็นเส้นชัย และอีกหลายๆ เรื่องที่เกี่ยวกับครอบครัวนี้ก็มีต้นโอ๊กต้นนี้เข้าไปเกี่ยวข้องในทุกช่วงเหตุการณ์ จึงทำให้เราไม่แปลกใจเลยว่าทำไมถึงกลายเป็นดรรชนีประวัติศาสตร์ของครอบครัวนี้ เพราะเหมือนกับว่าต้นไม้ต้นนี้ได้เฝ้าดูครอบครัวของพวกเขามาอย่างยาวนาน และซึมซับความทรงจำของทุกคนไว้เหมือนห้องสมุดที่อัดแน่นไปด้วยเรื่องราวทุกอย่างของคนในครอบครัว

สำหรับใครที่กังวลจะดูภาพยนตร์รู้เรื่องไหม หากไม่ได้อ่านนิยายก่อนดู ขอบอกเลยว่าไม่ต้องกังวลค่ะ ดูรู้เรื่องแน่นอน แต่ว่านิยายเรื่องนี้จะเป็นส่วนเสริมทุกอย่างเกี่ยวกับมิไรให้สมบูรณ์มากยิ่งขึ้นไปอีก ข้อเสียของนิยายเรื่องนี้มีอยู่เพียงอย่างเดียวค่ะ นั่นก็คือ คุณผู้อ่านจะไม่ได้เห็นหน้าของคุณตาทวด และคุนจังตอนโตที่ทำให้ทีมงานอนิไทม์เกือบกรี๊ดลั่นในโรงเพราะทนความหล่อไม่ไหวเท่านั้นเองค่ะ
นี่เป็นเพียงส่วนหนึ่งของรายละเอียดในเรื่องนี้ที่มีเพิ่มเติมจากในภาพยนตร์ และยังมีความละมุนและอิ่มใจอีกมากมายที่ได้ถูกอธิบายไว้ในฉบับตัวอักษรในนิยาย มิไร มหัศจรรย์วันสองวัย เล่มนี้ เราขอแนะนำให้ทุกท่านได้มีไว้อ่าน ตีพิมพ์โดยสำนักพิมพ์ PHEONIX 236 หน้า 235 บาท หาซื้อได้วันนี้ที่ร้านหนังสือชั้นนำทั่วไปค่ะ