เทพยาโตะ แห่งโนรางามิ เทวดาขาจร ขึ้นชื่อว่าเป็นเทพที่ทำทุกอย่างตั้งแต่สากกะเบือยันเรือรบ แต่ก็เก็บค่าบริการเพียงแค่ 5 เยนเท่านั้น และดูจากลักษณะนิสัยก็เหมือนจะเป็นเทพที่ไม่ค่อยได้เรื่องได้ราวเท่าไรนัก แต่ความจริงแล้วเขากลับมีอดีตอันน่าเจ็บปวดที่ซ่อนเอาไว้อยู่จนพวกเราคาดไม่ถึงเลยว่าจะเป็นคนคนเดียวกัน
เทพที่ขาดผู้คนศรัทธา
“เมื่อคำอธิษฐานหายไป บทบาทของเทพเจ้าก็จะจบลง”
เทพเจ้าเกิดจากคำอธิษฐาน และความศรัทธาของมนุษย์ หากไร้สิ่งสำคัญทั้งสองอย่างนี้ เทพเจ้าจะหายไปจากโลกโดยที่ไม่มีใครจดจำ โดยเฉพาะเทพเจ้าญี่ปุ่นที่มีอยู่นับหมื่นนับพันองค์ ถ้าไม่พยายามทำให้คนศรัทธาก็ไม่อาจเป็นเทพเจ้าได้ ยาโตะจึงพยายามอย่างมากกับการมีศาลเจ้า และคอยสร้างความสุขให้กับผู้คน เพราะในอดีตนั้นเขาเป็น เทพวิบัติ ที่ไม่ว่าเรื่องอะไรก็สามารถทำให้ได้ โดยเฉพาะเรื่องการฆ่าฟัน งานของเขาคือการฆ่ามนุษย์ตามคำขอของมนุษย์ด้วยกันเอง เมื่อคำขอสำเร็จผู้อ้อนวอนต่างกล่าวคำขอบคุณกันอย่างมากมาย แต่หารู้ไม่ว่านั่นคือ ความศรัทธาจอมปลอม ที่ไม่สามารถทำให้เขามีศาลเจ้าเป็นของตัวเองได้ จนกลายเป็นเทพที่ไร้ชื่อเสียงเรียงนามไม่เหมือนดั่งเทพองค์อื่นๆ
ไร้ศาลเจ้าพักพิง
“มันเป็นความฝันนี่นา อยากได้มาตลอด… ตั้งแต่เมื่อก่อนแล้วก็ไม่มีใครสร้างให้”
สำหรับเทพเจ้าการถูกสร้างศาลเจ้าให้ถือเป็นเรื่องที่มีเกียรติอย่างมาก เพราะเป็นการแสดงถึง ความขอบคุณ และ การฝากฝัง ต่อเทพเจ้า แต่ผิดกับยาโตะที่แต่ไหนแต่ไรแล้วก็ไร้ผู้คนศรัทธา เขาจึงไม่มีศาลเจ้าเหมือนดั่งเทพองค์อื่นๆ เวลาจะนอนก็ต้องไปนอนที่ศาลเจ้าของเทพเท็นจิน อีกทั้งยังลดความเป็นเทพหันหน้าไปขยันทำงานเก็บเงินเพื่อสร้างศาลเจ้าให้ตัวเอง ทั้งขัดห้องน้ำเอย ช่วยหาแมวเอย ไม่ว่าจะงานเล็กงานใหญ่หนักเบาแค่ไหนก็ไม่เคยเกี่ยง
ซึ่งทั้งหมดทั้งมวลนี้ไม่ใช่หน้าที่ที่เทพเจ้าต้องลงมาทำเสียด้วยซ้ำ และเพราะเอะอะอะไรก็เอาแต่พูดเรื่องศาลเจ้าๆ ทำให้ยาโตะมักถูกต่อว่าเรื่องยึดติดกับเรื่องศาลเจ้าอยู่บ่อยๆ ทว่าความจริงแล้วเขาเพียงแค่ต้องการให้คนนึกถึงจดจำเขาได้ และเป็นสิ่งเดียวที่เขาใฝ่ฝันอยากได้มาหลายร้อยปี จึงพยายามทำทุกวิถีทางเพื่อให้มีศาลเจ้าเป็นของตัวเอง ถ้าไม่มีศาลเจ้าก็เปรียบเสมือนเทพที่ไม่มีใครต้องการ และถ้ามีศาลเจ้าก็จะกลายเป็นที่ยอมรับของหมู่เทพด้วย
ชื่อที่ไม่มีใครเคยเอ่ย
“ถ้าเล่าให้ฟังคงโดนเกลียดอย่างไม่ต้องสงสัย เพราะงั้นถึงไม่เล่าเรื่องของตัวเองให้ใครฟัง”
ชื่อก็เปรียบเสมือนเป็นวิญญาณของเทพเจ้า ถ้าไม่มีชื่อก็จะไม่มีใครจดจำ ยาโตะที่พยายามปกปิดตัวตนอันเลวร้ายของตัวเองในอดีตทำให้ผู้คนที่สนิทกับเขาในปัจจุบันต่างไม่มีใครรู้ชื่อจริงของเขาเลยสักคน ทุกคนล้วนจดจำแต่ชื่อแฝงว่า ยาโตะ ทำให้พอถึงสถานการณ์ฉุกเฉินที่จำเป็นต้องขานชื่อจริงเพื่อเรียกวิญญาณกลับจากยมโลก ชื่อยาโตะที่ทุกคนเรียกกันจึงใช้ไม่ได้ผล ยาโตะต้องแบกรับความเจ็บปวดในอดีตทั้งหมดไว้เพียงคนเดียว ถึงขนาดเพียงแค่ชื่อจริงของตัวเองก็ไม่สามารถบอกใครออกไปได้ ด้วยเหตุนี้ชื่อจริง ยาโบคุ ของเขาจึงกลายเป็นชื่อที่ไม่เคยได้ถูกเอ่ยเรียกกันในปัจจุบัน
ฆาตกรในคราบเทพเจ้า
“ขอร้องล่ะครับ ช่วยฆ่าตระกูลมะของเทพบิชามอน… เจ้านายของผมให้ที”
ความเข้าใจผิดก่อเกิดเป็นความโกรธแค้นเรื้อรัง เมื่อยาโตะฆ่าล้างตระกูลมะของเทพนักรบอย่างบิชามอน ทว่าความจริงแล้วโศกนาฏกกรรมที่เกิดขึ้นนั้นไม่ใช่เป็นความผิดของยาโตะ แต่เขาเพียงถูกขอร้องไหว้วานจากคาสึมะที่ในขณะนั้นยังคงไม่ใช่อาวุธเทพมือหนึ่งของเทพบิชามอน คาสึมะขอร้องให้ยาโตะฆ่าล้างตระกูลมะทั้งหมด เนื่องจากมีอาวุธเทพทรยศจนทะเลาะฆ่ากันเอง ส่งผลให้เทพบิชามอนติดโรคา และไม่มีวิธีใดที่จะช่วยได้นอกจากการฆ่าทุกคนทิ้งซะ
ยาโตะในตอนนั้นได้ชื่อว่าเป็น เทพแห่งวิบัติ ไม่ว่าเรื่องเลวร้ายแค่ไหนก็จะบันดาลให้หมด แม้กระทั่งการฆ่า เขาเห็นคาสึมะมาขอร้องอ้อนวอนแทบถวายชีวิตจึงยอมทำตามคำขอให้ บิชามอนที่กำลังติดโรคา และไม่รู้เบื้องหลังของการสังหารหมู่จึงโกรธเกลียดยาโตะแบบไม่เผาผีตลอดชีวิต นับแต่นั้นมาจึงเป็นที่รู้กันว่ายาโตะเป็นผู้สังหารตระกูลมะของเทพบิชามอน ซึ่งในความจริงเขาไม่ผิดอะไรด้วยซ้ำ สิ่งที่ทำไปทั้งหมดเกิดจากการไหว้วาน และเป็นการช่วยอาวุธเทพ ยาโตะจึงกลายเป็นผู้มีชนักติดตัวโดยที่ไม่ได้ทำอะไรผิดแม้แต่น้อย
เครื่องมือของพ่อ
“เจ้าไม่จำเป็นต้องมีของพรรค์นั้น”
อย่างที่ได้กล่าวไปข้างต้น ในอดีตยาโตะเคยเป็นเทพแห่งวิบัติมาก่อน เขาสังหารผู้คนตามคำไหว้วานด้วยดาบในมือมานักต่อนัก ไม่ว่าใครต้องการอะไร ใครขออะไรมาเขาก็จะทำให้หมด สาเหตุเหล่านี้เกิดจาก พ่อ ของเขาที่เป็นผู้ชักนำให้เขาไปในทางที่ไม่ดี ศาลเจ้าที่ยาโตะอยากมีตั้งแต่เด็กก็ถูกพ่อตัดไฟแต่ต้นลมว่าของแบบนั้นไม่จำเป็นต้องมี และให้กลายเป็นเทพวิบัติที่ทำให้ใครต่างก็ทอดทิ้งเขา อดีตอันน่าขมขื่นของตัวเองทำให้ยาโตะอยากคิดที่จะเปลี่ยนแปลงตัวเอง พยายามทำสิ่งที่ทำให้คนยอมรับ และมีความสุข
แต่จนแล้วจนรอดเมื่อยาโตะเติบใหญ่ พ่อของเขาก็ยังคงหลอกใช้ให้ไปช่วยเทพเอบิสึที่กำลังสนใจในการใช้อาคมควบคุมภูต (ในทางที่ดี) นำพู่กันโคลงกลอนขึ้นมาจากยมโลกให้ปลอดภัย พ่อของยาโตะจึงอาศัยตอนที่สวรรค์กำลังหาผู้ใช้อาคมในทางเลวร้ายซัดทอดความผิดไปให้เอบิสึแทน ด้วยเหตุนี้เทพเอบิสึจึงกลายเป็นแพะรับบาปถูกสวรรค์ลงทัณฑ์จนต้องไปเกิดใหม่ จนสุดท้ายพ่อของเขาก็ขโมยพู่กันนั้นมาเป็นของตัวเองแทน ยาโตะเจ็บใจมาก เพราะตั้งแต่เด็กพ่อต้องทำให้เขาต้องพบเจอกับความเจ็บปวดมาโดยตลอด และเป็นชนวนที่ทำให้เขาตัดสินใจตัดขาดจากอดีต ยาโบคุ ที่ถูกพ่อบงการกลายมาเป็น ยาโตะ เทพที่คอยสร้างความสุขให้ทุกคนนั่นเอง
ใครจะไปคิดว่าแม้แต่เทพเจ้าเองก็มีเรื่องราวที่น่าเจ็บปวดอยู่ไม่น้อย กว่าจะกลายเป็นที่ศรัทธาของผู้คนได้ต้องผ่านอะไรมามากมาย โดยเฉพาะเทพยาโตะที่ต้องคอยต่อสู้กับอดีตของตัวเองเพียงลำพังแต่ อดีตก็คืออดีต เพราะในวันนี้เขาไม่ได้อยู่คนเดียวอีกต่อไปแล้ว ต้องขอบคุณฮิโยริ ยูกิเนะ และคนรอบข้างของยาโตะในปัจจุบันจริงๆ ที่ทำให้เทพวิบัติอย่างเขาสามารถก้าวข้ามผ่านความเลวร้ายในอดีตมาได้จนถึงทุกวันนี้